ลูกค้าขนลุก ลุงวัย 45 นั่งเสียชีวิตในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 30 ชม. ไม่มีใครรู้

กำลังเป็นประเด็นที่โลกออนไลน์ในไต้หวันให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันใน ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เนื่องจากจู่ๆ ลูกค้านั่งๆ อยู่แล้วก็ดูเหมือนหลับไปเฉยๆ กระทั่งมีคนสังเกตเห็นความผิดปกติจึงเดินเข่าไปตรวจสอบ จึงได้รู้ว่า ลูกค้ารายนั้นเสียชีวิตไปแล้ว

 

ตามรายงานระบุว่า ผู้พบเหตุคือ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงพักงาน ได้แวะมาซื้อของในร้าน และสังเกตเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่ขยับตัว ด้วยความสงสัย เขาจึงเข้าไปตรวจสอบและพบว่าชายคนนั้นเสียชีวิตแล้ว 

 

จากการสืบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ผู้เสียชีวิตอายุ 45 ปี ได้เดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อเวลาประมาณ 14:00 น. ของวันที่ 15 กันยายน ก่อนจะนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้ จนกระทั่งถูกพบว่าเสียชีวิตเกือบ 30 ชั่วโมงต่อมา

 

ด้านผลสอบสวนของตำรวจ พบว่า คุณลุงวัย 45 ปี ผู้เสียชีวิต เข้ารับการรักษาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลหยวนจีเป็นประจำ และมีประวัติโรคประจำตัว ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเมื่อเวลาประมาณ 14:00 น. ของวันที่ 15 กันยายน ผู้เสียชีวิตเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตมาเพียงลำพัง ก่อนจะนั่งที่มุมพักผ่อนและเล่นโทรศัพท์
 

 

แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาดูเหมือนจะรู้สึกเหนื่อย จึงวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะและเอนกายหลับตา หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย แม้จะมีลูกค้าคนอื่นเดินเข้าออกตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกตินี้แม้แต่คนเดียว 

 

กระทั่งเวลาประมาณ 20:00 น. ของวันที่ 16 กันยายน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่อยู่ในช่วงพักงานได้เดินเข้ามาซื้อของ เขาสังเกตเห็นว่า ผู้เสียชีวิต ยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่ขยับตัว จึงสงสัยว่าอาจมีความผิดปกติ เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่า ผู้เสียชีวิต  ไม่มีหายใจอีกแล้ว เขารีบแจ้งพนักงาน และติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป

 

เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาพบ ผู้เสียชีวิต ไม่มีชีพจรแล้ว อีกทั้งบนร่างกายยังปรากฏร่องราย ซึ่งบ่งชี้ว่าเสียชีวิตมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากการสอบสวน ตำรวจได้ยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิตแล้ว และติดต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้มาที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ จะมีการรายงานให้พนักงานอัยการตรวจสอบ และชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป

ข้อมูลจาก ettoday