พนักงานแบงก์ดัง เสียชีวิตไปแล้ว 4 วัน แต่ไม่มีใครรู้ เห็นจุดดับสลดยิ่งตกใจ
เพื่อนร่วมงานตกใจ พนักงานรุ่นใหญ่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 4 วันในออฟฟิศแต่ไม่มีใครรู้ ทั้งๆ ที่จุดที่เสียชีวิตก็อยู่ตรงโต๊ะทำงาน
กลายเป็นเหตุที่ทำเอาพนักงานออฟฟิศในธนาคารแห่งหนึ่งในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกาสะพรึงและหลอนสุดๆ หลังจากที่มีคนพบศพพนักงานรายหนึ่งนอนเสียชีวิตตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมานานถึง 4 วันแล้วแต่ไม่มีใครรู้ และแม้จะมีกลิ่นเหม็นโชยภายในอาคารแต่กลับไม่มีใครเอะใจ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นทั้งเรื่องช็อกและน่ากังวลอย่างมากแก่กลุ่มพนักงานในสำนักงานดังกล่าว
ตามรายงานระบุว่า ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวคือ เดนิส พรูดอมม์ พนักงานหญิงวัย 60 ปี ลงเวลาเข้างานครั้งสุดท้ายในเช้าวันที่ 16 สิงหาคม โดยมีการสแกนเพื่อเข้าตึกตอนเวลา 07.00 น. และไม่ได้มีการสแกนเวลาเข้า-ออกอีกเลย จนกระทั่งในวันที่ 20 สิงหาคม จึงมีคนพบศพของเธออยู่ตรงโต๊ะทำงานที่มีคอกกั้น
ด้าน พนักงานรักษาความปลอดภัยรายงานเรื่องการพบพนักงานที่น่าจะเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึงและยืนยันการเสียชีวิตของเธอในเวลา 16:55 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ขณะที่แถลงการณ์จากโฆษกของ Wells Fargo ที่ส่งถึงซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เราเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียเพื่อนร่วมงานของเรา เดนิส พรูดอมม์ เราขอส่งกำลังใจถึงครอบครัวและคนที่เธอรัก ขณะที่ทางธนาคารอยู่ระหว่างติดต่อเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
ทั้งนี้ ทางธนาคารกำลังตรวจสอบขั้นตอนภายใน เกี่ยวกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงานภายหลังเกิดเรื่องสลดดังกล่าว และยังจัดเตรียมที่ปรึกษาให้แก่พนักงานที่ได้รับผลกระทบด้วย
ทั้งนี้พนักงานธนาคารจำนวนหนึ่ง ได้เผยความกังวลของพวกเขาว่า แม้ส่วนใหญ่พนักงานจะทำงานจากระยะไกล ไม่ได้เข้าไปในสำนักงาน แต่ร่างของพรูดอมม์ควรจะถูกพบเร็วกว่านี้ เนื่องจากทางอาคารมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
พนักงานบางคนเผยว่า พวกเขาได้กลิ่นเหม็นภายในสำนักงาน แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นที่เกิดจากระบบประปาในอาคารชำรุด ขณะที่มีการเปิดเผยว่า จุดที่พบศพของพรูดอมม์คือโต๊ะทำงานที่ไม่ค่อยมีคนอยู่มากนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผย อยู่ระหว่างการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทางตำรวจก็กำลังสอบสวนคดีดังกล่าว แต่เบื้องต้นไม่พบสัญญาณความผิดปกติใด
ข้อมูลจาก CNN