สาววัย 24 ต้องขับถ่าย 30 ครั้งต่อวัน น้ำหนักลด 38 กก. หมอบอกเป็นโรคเรื้อรัง
สาววัย 24 ท้องอืด - ขับถ่าย 30 ครั้งต่อวัน จนน้ำหนักลด 38 กก. นึกว่ากินมากไป ที่ไหนได้ สุดท้ายหมอบอกเป็นโรคเรื้อรัง
การขับถ่ายที่ดีคือการขับถ่ายอย่างเหมาะสม ซึ่งถาหลายๆ คนมีอาการอย่างสาวอังกฤษรายนี้ เห็นทีต้องไปหาคุณหมอด่วนๆ เลย เพราะ หญิงสาวรายนี้ได้เกิดอาการจนถือได้ว่าเป็นกรณีทางการแพทย์ของสหราชอาณาจักร หลังจากที่เธอน้ำหนักลดลงไปเกือบ 38 กิโลกรัม หลังจากถ่ายวันละ 30 ครั้ง ซึ่งเข้าใจผิดว่าท้องอืดเพราะกินมากไป
เรื่องราวเกิดขึ้นกับ มาทิลดา โครม หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 24 ปี ที่เธอมีอาการท้องอืดอย่างรุนแรงและขับถ่ายบ่อยเกินไปขณะเดินทางไปอิตาลี ตอนแรกเธอคิดว่าเธอมีอาการเกี่ยวข้องเพียงเพราะเธอกินพิซซ่ามากเกินไป โดยไม่คาดคิด แต่หลังจากกลับมาที่จีน เธอพบว่าน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วถึง 38 กิโลกรัม และเธอมีการขับถ่ายมากถึง 30 ครั้งต่อวัน
หลังจากพบแพทย์พบว่าเธอเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งอาการของมาทิลดาเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 14 ปี ในขณะที่กำลังไปท่องเที่ยวที่อิตาลีกับครอบครัว เธอมีอาการท้องอืดในกระเพาะอาหารบ่อยครั้งและมีการขับถ่ายมากขึ้นในระหว่างการเดินทาง ดังนั้น เธอจึงคิดว่าอาการเหล่านี้เกิดจากการกินอาหารท้องถิ่นมากเกินไปและแพ้กลูเตนที่เกิดจากการกินพิซซ่าที่มากเกิน
แต่เมื่อกลับมาหลังจากเดินทางแล้วก็พบว่าปัญหาท้องอืดยังคงอยู่จึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคุณหมอ กระท่ังได้รับการตรวจวินิจฉัยใดๆ แล้ว คุณหมอจึงสันนิษฐานว่า อาการของเธอเกิดจากอาการปวดประจำเดือนหรืออาการลำไส้แปรปรวน (IBS)
จนกระทั่งมาทิลดาพบเลือดในระหว่างการขับถ่าย เธอและหมอจึงตระหนักว่าสถานการณ์อาจร้ายแรงมาก เมื่ออาการของเขาแย่ลง ชีวิตก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากเธอต้องขับถ่ายวันละ 30 ครั้ง เธอจึงไม่สามารถไปโรงเรียนและทำงานเหมือนคนทั่วไปได้ และต้องสอบ General Certificate of Secondary Education (GCSE) ที่บ้าน โดยมีครูนั่งอยู่ข้างเตียงเพื่อคุมสอบ
ในช่วงที่แย่ที่สุด มาทิลดาสูญเสียน้ำหนักไปมากถึง 38 กิโลกรัม และเกือบเสียชีวิตหลังจากเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ในที่สุดก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโครห์น (Crohn's disease) ซึ่งเป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังตลอดทางเดินอาหาร ตั้งแต่กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ รวมถึงบริเวณทวารหนัก ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง สามารถทำให้ลำไส้ตีบ และลำไส้ทะลุได้
แม้จะใช้สเตอรอยด์ในการรักษาและฉีดยาทุกเดือน แต่อาการของมาทิลดายังคงอยู่ ทำให้เธอถูกส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินหลายครั้งเนื่องจากมีอาการปวดอย่างรุนแรง ต่แต่ก็ยังโชคดีที่สุขภาพของมาทิลดา ดีขึ้นตั้งแต่เธอเข้ารับการผ่าตัดเอาลำไส้ใหญ่ออก และต่อลำไส้เล็กกลับเข้าไปที่ทวารหนัก
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังสามารถเติมเต็มความฝันอันยาวนานในการปีนเขา รวมถึงท่องเที่ยวในสเปนและโมร็อกโกด้วยตัวคนเดียวได้อีกด้วย มาทิลดากล่าวว่าแม้ว่าการเป็นโรคโครห์น จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเธอไปอย่างมาก แต่เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตที่มีชีวิตชีวามากขึ้นในทุกๆ วัน