ด.ญ. 1 ขวบ หัวโตผิดปกติ หมอตรวจพบพี่สาวฝาแฝดฝังตัวอยู่ในกะโหลก
ครอบครัวแปลกใจ ลูก 1 ขวบมีหัวโตผิดปกติ - พัฒนาการช้า พาไปหาหมอพบมีพี่สาวฝาแฝดฝังตัวอยู่ในกะโหลกศีรษะของเด็กหญิง
เรียกได้ว่าเป็นเคสที่หายาก และโอกาสเกิดขึ้นเพียงแค่ 1 ใน 5 แสนเท่านั้น เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศจีนได้พบกรณีของเด็กหญิงอายุ 1 ขวบ มีพี่สาวฝาแฝด แต่ในกรณีของเด็กน้อยรายนี้นั้น พี่สาวฝาแฝดของเธอดันไปฝังตัวอยู่ในกะโหลกศีรษะของเด็กหญิง
ตามรายงานระบุว่า เด็กหญิงอายุ 1 ขวบ จากประเทศจีนรายนี้มาหาคุณหมอด้วยอาการศีรษะบวมและมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่น เมื่อเอกซเรย์พบว่ามี ตัวอ่อนทารก อยู่ในกะโหลกศีรษะของเธอ ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนที่เด็กหญิงคนนี้จะเกิด ในช่วงที่แม่ของเธอตั้งครรภ์ได้ 33 สัปดาห์ หมอตรวจพบความผิดปกติของกะโหลกทารก จึงทำให้ต้องผ่าตัดทำคลอดในช่วง 37 สัปดาห์
ในตอนแรกหมอไม่ได้มองว่าการคลอดก่อนกำหนดในอายุครรภ์เท่านี้ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะตอนเด็กหญิงเกิดเธอก็สมบูรณ์เหมือนเด็กทารกทั่วๆ ไป จะมีก็เพียงขนาดศีรษะของเธอที่ใหญ่กว่าทารกทั่วไปเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี เด็กหญิงก็ได้มาที่โรงพยาบาล Peking University International ด้วยอาการศีรษะบวม และพัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วๆ ไป
ครอบครัวของเด็กหญิงคนนี้เปิดเผยว่า เด็กมีปัญหาในเรื่องการเดินและการยกหัวขึ้น อีกทั้งยังพูดได้แค่คำว่า "แม่" คำเดียว ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กวัย 1 ปีทั่ว ๆ ไป ด้วยเหตุนี้หมอจึงตัดสินใจให้เด็กหญิงเข้ารับการเอกซเรย์สมอง และพบว่า มีสิ่งแปลกปลอมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว หรือ 13 เซนติเมตร อยู่ในกะโหลกของเธอ หากเทียบแล้วใหญ่กว่าลูกบาสเกตบอลอีก
ทั้งนี้ ศัลยแพทย์ระบบประสาทรีบดำเนินการผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมออกในทันที เมื่อผ่าไปพบก้อนสีขาวคล้ายแคปซูล ยาว 18 เซนติเมตร ภายในบรรจุของเหลวสีน้ำตาล และตัวอ่อนทารก โดยตัวอ่อนทารกที่พบยังไม่ได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ แต่เริ่มมีกระดูก กระดูกสันหลัง และเริ่มมีอวัยวะต่างๆ เช่น ปาก ตา ผม แขน มือ และเท้า เป็นต้น
โดยตัวอ่อนที่เจริญผิดที่นี้ ทำให้เยื่อในสมองของเด็กคนนี้ถูกทำลายไป ส่งผลให้เธอเป็นเจ้าหญิงนิทราหลังผ่าตัด กระทั่งผ่านไป 12 วันหลังการผ่านตัด ครอบครัวตัดสินใจไม่รั้งชีวิตเด็กหญิงไว้ จึงได้บอกหมอให้ถอดเครื่องช่วยหายใจ และเด็กหญิงจากไปอย่างสงบ
สำหรับความผิดปกติของเด็กคนนี้ ถือเป็นภาวะที่หาได้ยาก โดยเกิดได้เพียง 1 ใน 500,000 เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันในทางการแพทย์ มีรายงานคนไข้ที่มีความผิดปกตินี้เพียงแค่ 18 รายเท่านั้น ส่วนสาเหตุแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร ทราบเพียงว่าความผิดปกตินี้เกิดระหว่างการเจริญเติบโตในครรภ์ที่เป็นแฝด
ปกติแล้วในการตั้งครรภ์ทารกแฝด ไข่ 2 ใบจะค่อยๆ แยกออกจากกัน แต่ในเคสของแฝดคู่นี้ ไม่ได้แยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้เมื่ออยู่ในช่วงที่อวัยวะเจริญเติบโต ในการสร้างนิ้ว ผม แขนและขา เกิดความผิดปกติ โดยหนึ่งในฝาแฝดเกิดในร่างกายของอีกคนแทนที่จะเกิดข้างนอก
ความผิดปกตินี้ 80% ของเคสที่เคยได้รับการรายงานมักพบตัวอ่อนทารกอยู่ในท้องของเด็ก ถุงอัณฑะ หรือกระดูกก้นกบของเด็ก ทำให้แพทย์สามารถนำออกมาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากความผิดปกตินี้เกิดขึ้นในศีรษะ ฉินและเฉิน วิสัญญีแพทย์และผู้ทำวิจัยจาก Peking University International Hospital กล่าวว่า "เด็กมีโอกาสเสียชีวิต 100%" เลยทีเดียว