รวบแล้ว "สาวใหญ่" วิดีโอคอล หลอกอดีตพนักงาน กฟผ. โอนเงิน-จำนองบ้าน สูญ 22 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์ รวบแล้ว "สาวใหญ่" แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกตุ๋นปู่วัย 81 ปี อดีตพนักงาน กฟผ. ให้โอนเงินและจำนองบ้าน รวมสูญเงินไปกว่า 22 ล้านบาท
จากกรณีปู่วัย 81 ปี อดีตพนักงาน กฟผ. ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินสูญกว่า 22 ล้านบาท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนางอัจฉรา อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย หนึ่งในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเปิดบัญชีม้า” หลังอ้างว่าบัญชีของปู่พัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายไพรสัณต์ หรือคุณปู่อ๊อด วัย 81 ปี อดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน 19 ล้านบาท จำนองบ้านอีก 3 ล้านบาท รวมหมดเงิน 22 ล้านบาท ทำให้ต้องสูญทั้งเงิน เสียทั้งบ้าน จนอยากปลิดชีพตัวเอง และได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจไซเบอร์ ในเวลาต่อมา
สำหรับคดีที่เกิดขึ้น ทางผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพแต่งกายปลอมเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาหลอกว่า บัญชีธนาคารของผู้เสียหายได้พัวพันกับการทุจริตในหน่วยงานราชการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และผู้น้อยกว่า 100 คน โดยอ้างว่ามีการนำเงินจากการทุจริตมาฝากผ่านบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย โดยมิจฉาชีพแจ้งว่าเงินที่อยู่ในบัญชีของผู้เสียหายต้องตกเป็นของกลางในคดีอาญา แต่หากต้องไปสอบสวนที่โรงพักจะลำบาก จึงแนะนำให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน โดยติดต่อกันผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์
จากนั้นมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ส่งรูปภาพที่อ้างว่าเป็นคำสั่งจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งส่งภาพที่อ้างว่าเป็นคำสั่งของ สำนักงาน ป.ป.ช. ให้ผู้เสียหายโอนเงิน หากผู้เสียหายไม่ทำตามขั้นตอนจะถูกดำเนินคดี หรืออายัดทรัพย์ ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวน 19 ล้านบาท
นอกจากนี้ มิจฉาชีพยังหลอกให้ผู้เสียหายจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอีก 450,000 บาท โดยให้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาท ที่เอาบ้านไปจำนองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังได้เงินจากจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท ก็ได้โอนเงินให้แก่มิจฉาชีพไป
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,095,000 บาท ขณะเดียวกันมิจฉาชีพยังแจ้งให้โอนเงินเป็นค่าค้ำประกันทรัพย์สินที่โอนไปให้มิจฉาชีพอีกจำนวน 2.2 ล้านบาท แต่ไม่มีเงิน จึงปรึกษาลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ จึงได้รู้ว่าพ่อน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอก และรีบกลับประเทศไทยพาพ่อเข้าแจ้งความ ที่กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ในเวลาต่อมา
หลังรับแจ้งความ ตำรวจไซเบอร์ได้แกะรอยสืบสวนจนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้แล้วหลายราย ต่อมา ตำรวจได้ออกติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ จนทราบว่ามีหนึ่งในเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไป ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย จึงได้วางแผนเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ นางอัจฉรา ให้การยอมรับว่า ได้เปิดบัญชีให้ผู้อื่นนำไปใช้ โดยไม่รู้ว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป