เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.67 จากกรณี "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" พร้อมด้วย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา ,ดร.อดิเทพ ผาทา ,นางชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้เดินทางเข้ามาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อเข้าพบนายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการดำเนินคดีกับ “กลุ่มเชื่อมจิต” "ทนายอนันต์ชัย" ลั่นแพแตก รอศาลออกหมายเรียกและหมายจับ
ทนายอนันต์ชัย ลั่นเชื่อมจิตแพแตก รอศาลออกหมายเรียก-หมายจับ
โดยทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า จริงๆแล้วสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นองค์กรรัฐที่ดูแลพระพุทธศาสนาโดยตรงแต่เนื่องจากอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในระเบียบบริหารจัดการส่วนราชการค่อนข้างที่จะบกพร่องและไม่ชัดเจน จึงทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติค่อนข้างที่จะสับสนในเรื่องของกฎระเบียบ อำนาจหน้าที่
สิ่งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดวิกฤติเกี่ยวกับลัทธิแก๊งเชื่อมจิตเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าเราควรจะแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ในสำนักพุทธฯ นอกเหนือจากที่ดูแลพระภิกษุสงฆ์ ก็จำเป็นจำเป็นที่จะต้องดูแลเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนรวมถึงพระไตรปิฎกด้วย
ทนายอนันต์ชัย ลั่นเชื่อมจิตแพแตก รอศาลออกหมายเรียก-หมายจับ
รวมถึงเรื่องของการสอน การอ้าง ไม่ว่าจะเป็นพระธรรมหรือวินัยหรือแม้แต่พระไตรปิฎกซึ่งเดี๋ยวนี้มีลัทธิขึ้นเยอะมากมันทำให้สำนักพุทธฯ ดูแลได้ไม่ทั่วถึงจากเหตุการณ์นี้มูลนิธิทนายกองทัพธรรม กำลังร่างโครงการขึ้นมาเพื่อเสนอสำนักพุทธ โดยจะมีการตั้งองค์กรขึ้นมาองค์กรหนึ่งซึ่งจะตรวจสอบการสอนธรรมะไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสที่ผิดจากพระวินัยหรือพระไตรปิฎก โดยหากมีหน่วยงานที่มาตรวจสอบต่อไปใครที่สอบธรรมะแบบผิดๆ เราจะได้เข้าไปยับยั้งได้ทันท่วงที
ทนายอนันต์ชัย ลั่นเชื่อมจิตแพแตก รอศาลออกหมายเรียก-หมายจับ
กรณีลัทธิเชื่อมจิต ตนรู้สึกไม่สบายใจที่มีการกล่าวว่าการไหว้อาจารย์น้องไนซ์ เปรียบเสมือนการไหว้พุทธเจ้า ถือว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้าย มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ในฐานะองค์กรเอกชน เห็นว่าลัทธิเชื่อมจิตที่เกิดขึ้น ต้องควรรีบดำเนินการเพราะหากปล่อยไว้จะเป็นปัญหาอย่างมาก ดังนั้นประชาชนและหน่วยงานต่างๆ จึงต้องออกปกป้อง อีกมิติหนึ่งการเกิดขึ้นของลัทธิเชื่อมจิต ทำให้คนสนใจหลักคำสอนทางศาสนามากขึ้น ว่าหลักคำสอนที่ถูกต้องคืออะไร ดังนั้นในขณะนี้จึงถือว่าเป็นโอกาส ที่จะเผยแพร่คำสอนทางศาสนาที่ถูกต้องให้ประชาชน
ส่วนความคืบหน้าตอนนี้ เชื่อว่า ในส่วนของกลุ่ม “เชื่อมจิต” จบแล้ว เพราะ ปอท. สอบไป 90% แล้ว สำนักพุทธฯ ได้ร้องทุกข์แล้วและเป็นพระเอกในเรื่องนี้ ส่วน พม.กำลังเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ พรบ.คุ้มครองเด็ก2546 เชื่อว่าต่อไปเมื่อหมายศาลออกหมายเรียก หมายจับ เมื่อนั้นกลุ่มดังกล่าวแพแตก ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล เป้าหมายกำจัดกลุ่มนี้ให้หมดไป
ทนายอนันต์ชัย ลั่นเชื่อมจิตแพแตก รอศาลออกหมายเรียก-หมายจับ
ด้านนายบุญเชิด กิตติธรางกูร กล่าวว่า หลังจากมหาเถรสมาคม มีมติ 424 / 2567 ที่ให้อำนาจสำนักพุทธฯ ในการดำเนินคดี ดังนั้นคณะกรรมการจึงต้องเก็บรวบรวมข้อมูลในทุกด้าน ต้องเก็บข้อมูลในรายละเอียดเพื่อเป็นพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดี สำนักพุทธฯจึงออกมาช้าในการแจ้งความดำเนินคดี แต่ยืนยันว่าข้อมูลที่แจ้งความดำเนินคดีไปนั้น มีข้อมูลหลักฐานอ้างอิง และมีคณะทำงานทำงานอย่างรัดกุมในทุกเรื่องทุกด้าน
ทนายอนันต์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่สนใจว่าทนายธรรมราชและลัทธิเชื่อมจิต จะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องใดๆ กับตนเอง สิ่งที่ตนเองโฟกัส คือเรื่องที่ทางเครือข่ายแจ้งความไว้กับ ปอท. และ ปอท. รับเป็นคดีแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า ส่วนเรื่องที่ลัทธิเชื่อมจิตแจ้งความดำเนินคดีมานั้น ก็สู้คดีกันตามขั้นตอน
ทนายอนันต์ชัย ลั่นเชื่อมจิตแพแตก รอศาลออกหมายเรียก-หมายจับ
ตอนนี้มีไทม์ไลน์การดำเนินคดีหมดแล้ว ที่ปอท.กำลังดำเนินการอยู่ แต่เปิดเผยไม่ได้เพราะมีผลกับรูปคดี สิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ในการปกป้องพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ในส่วนสำนักพุทธฯไปกล่าวโทษกลุ่มดังกล่าวกับ ปอท. คือ พรบ.คอมฯ ส่วนข้อหาอื่นๆ เช่น ฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มีหน่วยงานอื่นๆ ที่ดำเนินการต่อไป