เครื่องบินลงจอดฉุกเฉินกระแทก "จุดสิ้นสุดของโลก" แรงจัดจนหักเป็น 2 ท่อน

"เครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน" ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเครื่องบินล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศรัสเซีย เมื่อ เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบิน An-26 ของสายการบิน Utair สายการบินในรัสเซีย ลงจอดฉุกเฉินที่บริเวณไม่ไกลจากจากสนามบินทางตอนเหนือของรัสเซีย 

 

 

ตามรายงานระบุว่า จุดที่เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดนั้น อยู่ในพื้นที่บริเวณขั้วโลกเหนือ ที่รู้จักกันในชื่อ "จุดสิ้นสุดของโลก" แรงกระแทกเป็นเหตุให้เครื่องบินหักเป็น 2 ท่อน แต่ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินทั้งหมด 41 ราย เอาชีวิตรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์

นอกจากนี้จากรายงานยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางจากท่าเรือซาเบตตา บนคาบสมุทรยามาล ก่อนจะบินข้ามอ่าว Gulf of Ob ในมหาสมุทรอาร์กติก ทางตอนเหนือของรัสเซีย 

 

เพื่อที่จะลงจอดยังสนามบินยูเตรนเนีย สนามบินที่เพิ่งสร้างใหม่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย แต่ในขณะที่พยายามจะลงจอด สัญญาณของเครื่องบินได้หายไปจากจอเรดาร์ ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย มีหมอกหนา มีหิมะและลมแรง

ต่อมา มีรายงานว่าเครื่องบินได้ลงจอดฉุกเฉินที่บริเวณห่างจากสนามบินประมาณ 1 ไมล์ หรือประมาณ 1.6 กิโลเมตร ซึ่งบนเครื่องบินลำนี้ มีผู้โดยสาร 36 ราย และลูกเรือ 5 ราย ภายหลังจากเกิดเหตุไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้บาดเจ็บ 3 ราย 

 

ขณะที่โฆษกของสายการบิน เปิดเผยว่า กัปตัน ผู้ช่วยนักบิน และผู้โดยสาร 1 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์แล้ว

 

ทั้งนี้ภาพบริเวณจุดเกิดเหตุถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า เครื่องบินได้รับความเสียหายหักเป็น 2 ท่อน ตรงบริเวณใกล้กับส่วนหน้าของเครื่องบิน และจมลงไปอยู่ใต้หิมะหนา ส่วนหัวของเครื่องบินได้รับความเสียหายรุนแรง มีทีมเจ้าหน้าดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือ  

 

ทางคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานได้เปิดสอบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของการลงจอดของเครื่องบินลำดังกล่าว ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Business Insider ระบุว่า ประวัติด้านความปลอดภัยทางการบินของรัสเซียนั้นไม่ค่อยดีนัก 

 

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ศูนย์ข้อมูลความปลอดภัยทางการบินของเยอรมนี หรือ JACDEC (Jet Airliner Crash Data Evaluation Centre) ได้เปิดเผยว่า มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางการบินของรัสเซีย เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ในปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 37 ครั้ง ในปี 2565 เป็น 81 ครั้ง ในปี 2566

ข้อมูลจาก Mirror