หมอดังตอบชัด เตือนว่อน ห้ามกิน "กล้วยตาก" น้ำตาลสูงยิ่งกว่าทุเรียน จริงไหม?
อ.เจษฎ์ ได้ออกตอบข้อข้องใจชัด หลังโลกออนไลน์แชร์ว่อน เตือนห้ามกิน "กล้วยตาก มีน้ำตาลสูง ห้ามกิน" จริงหรือไม่ ?
กลายเป็นเรื่องราวเตือนกันว่อนในโลกออนไลน์ และถูกแชร์ต่อ ๆ ไปเป็นจำนวนมาก กรณีคำเตือน ห้ามกิน "กล้วยตาก มีน้ำตาลสูง ห้ามกิน" จริงหรือไม่ ? ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อ.เจษฎ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ออกมาไขข้อข้องใจในประเด็นนี้ ผ่านเพจ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ พร้อมกับระรายละเอียดดังนี้
โดยในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อความกันว่า
"น้ำตาลในกล้วยตากจะมากกว่าทุเรียนเกือบเท่าตัว กล้วยไข่และกล้วยหอมสูสีกับทุเรียนเลย ส่วนแตงโมน้อยกว่าฝรั่ง"
"ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยง ผักและผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลเกินกว่า 20%" ..
แล้วตามลิสต์ของปริมาณน้ำตาลในผลไม้อีกหลายชนิด เช่น กล้วยตาก 64.1% ทุเรียน 34.7% กล้วยไข่ 34.1% ฯลฯ ...
เรื่องนี้ จริงเท็จแค่ไหน ?
รายการ "ชัวร์ก่อนแชร์" ของสำนักข่าวไทย อสมท. ได้หาข้อมูลเรื่องนี้ โดยสัมภาษณ์ รศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า
- กล้วยตาก ที่สถาบันเคยวิเคราะห์นั้น มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 15% เท่านั้น ไม่ได้เยอะอย่างที่แชร์กัน หรือถ้าจะเยอะขนาดนั้น ก็อาจจะเป็น "กล้วยตากอบน้ำผึ้ง"
- อย่างไรก็ตาม การกินพวกผลไม้ตากแห้งนั้น มักจะได้รับสารอาหารในรูปน้ำตาล ส่วนพวกวิตามินซี และวิตามินอื่นๆ นั้น มักจะสูญเสียไปจากการตากแดด
- กล้วยไข่และกล้วยหอมนั้น ไม่ได้มีน้ำตาลสูงพอๆ กับทุเรียน อย่างที่แชร์กัน ถ้าจะให้มีน้ำตาลสูงมากๆ ก็อาจจะต้องเป็น "กล้วยหอมสุกงอม" ...ส่วนทุเรียนเองนั้น ก็มีน้ำตาลอยู่แค่ระหว่าง 7%, 8% หรือ 10% ขึ้นกับแต่ละสายพันธุ์ (ไม่ใช่ 30%) โดยที่พันธุ์ "ก้านยาว" อาจมีไขมันเยอะ
- ส่วนแตงโมกับฝรั่งนั้น เป็นเรื่องจริงที่แตงโมมีน้ำตาลน้อยกว่าฝรั่ง โดยฝรั่งทั่วไปมีน้ำตาลประมาณ 12-13% ขณะที่แตงโมมีเพียง 7-8%
- ที่บอกให้ระวังผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงนั้น สำหรับ "ผัก" แล้ว ไม่เป็นความจริง เพราะผักมีน้ำตาลน้อยมากสามารถกินผักได้เยอะ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องพลังงาน
-.. ส่วนผลไม้ ก็รับประทานได้ แต่ให้ระวังเฉพาะในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาล
สรุปรวมๆ ว่า อย่าพึ่งตกใจในเรื่องที่แชร์กันมานี้ และไม่ควรแชร์ต่อครับ