เจ้าของร้านสงสัย ลูกค้า 5 คนสั่ง หมู 250 จาน - เนื้อแกะ 350 จาน เปิดกล้องดูถึงรู้

เจ้าของร้านสงสัย ลูกค้า 5 คนสั่ง หมู 250 จาน - เนื้อแกะ 350 จาน เปิดกล้องดูถึงรู้ : ถ้าว่าด้วยเรื่องบุฟเฟ่ต์ สาวกนักกินจุต้องชอบแน่ ซึ่งเมื่อขึ้นชื่อว่า "บุฟเฟ่ต์" หลายคนก็จะต้องสรรหาวิธีการที่จะทำให้ตัวเองได้กินอย่างคุ้มค่าที่สุด แต่กับครอบครัวมหาภัยนี้ กลับทำเรื่องไม่น่ารักเลย เพราะพวกเขาดันสอนลูกให้เป็นขโมยซะงั้น 

 

 

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ ร้านหม้อไฟในในเมืองบินลูติ รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่ครอบครัว 5 คน ที่มากินอาหารในโปรบุฟเฟ่ต์ อิ่มไม่อั้นที่ร้านแต่กล้องวงจรปิดจับพฤติกรรมได้ว่าแอบเก็บอาหารกลับไปบ้าน โดยมีการเตรียมถุงพลาสติกมาพร้อม แถมพ่อแม่ยังใช้ให้ลูกๆ เป็นผู้ลงมือขโมยอาหารด้วยตัวเอง

 

เรื่องดังกล่าวถูกเปิดโปงโดย เจ้าของร้านหม้อไฟ Husky Billion Steamboat & BBQ ผ่านทางเฟซบุ๊กของร้านพร้อมระบุว่า "ขอโทษนะ แต่ผมอยากให้สาธารณชนได้รู้เรื่องนี้ ผมรับไม่ได้จริงๆ ที่ลูกๆ ของพวกเขาถูกพาไปเพื่อขโมยของ"

 

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม เวลา 14.30 น. ลูกค้ากลุ่มนี้ซึ่งมากัน 5 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 3 คน และเด็ก 2 คน ได้เข้ามากินอาหารในช่วง Happy Hour ซึ่งทางร้านจัดโปรบุฟเฟต์ ก่อนที่จะทำการสั่งอาหารปริมาณมาก มีทั้งหมู 250 จาน และเนื้อแกะ 350 จาน ในมื้ออาหารดังกล่าว
 

 

เดิมทีเจ้าของร้านกับพนักงานที่ร้านก็รู้สึกเอะใจแปลกๆ เมื่อลูกค้าโต๊ะนี้สั่งอาหารจำนวนมาก แต่ก็ยอมนำอาหารไปเสิร์ฟตามออร์เดอร์ เพราะคิดว่าคนเหล่านี้อาจจะกินจุก็ได้ จนกระทั่งเขาไปย้อนดูภาพวงจรปิดหลังจากนั้น จึงพบว่าจริงๆ แล้วอาหารทั้งหมดลงท้องลูกค้าไปเพียงบางส่วนเท่านั้น และที่เหลือคือ "ลงถุง" ไปจนหมด

"ประเด็นหลักคือพวกเขาเตรียมตัวมาทำเรื่องแบบนี้ ผมลองดูในภาพวงจรปิด เห็นชัดว่าเด็ก ๆ แอบยัดเนื้อสัตว์ลงถุงพลาสติกที่อยู่ใต้โต๊ะ พวกเขาต้องการนำอาหารกลับไปทำกินเหรอ ?"

ทั้งนี้ทางร้านยังแนบบิล ซึ่งระบุค่าอาหารมื้อนั้นอยู่ที่ 163.3 ริงกิต หรือประมาณราว 1,250 บาท โดยแบ่งเป็นราคาสำหรับผู้ใหญ่ หัวละ 39.42 ริงกิต หรือประมาณ 300 บาท และเด็กหัวละ 26.82 ริงกิต หรือราวๆ 200 บาท พร้อมมอบส่วนลดสมาชิกให้อีก 5%

อีกทั้งในเฟซบุ๊กของร้าน เจ้าของยังแสดงความผิดหวังที่ลูกค้าทำเรื่องแบบนี้ แถมยังสอนให้ลูกหลานเป็นขโมย โดยระบุว่า "คุณต้องรู้ว่าบินลูตูเป็นสถานที่เล็กๆ คุณรู้จักผม และผมก็รู้จักคุณ แค่การทำธุรกิจก็ลำบากพออยู่แล้ว ทำไมต้องมาทำให้ผมลำบากขึ้นไปอีกล่ะ"
 

เจ้าของร้านยังระบุอีกว่า เนื่องจากตอนนี้ทุกๆ คนต่างก็เผชิญความยากลำบากด้วยกันทั้งนั้น เขาเลยพยายามจะทำอาหารราคาประหยัด ให้ผู้คนได้กินจนอิ่มโดยไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าออกมาจ่ายมาก แต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

อย่างไรก็ตาม เขาหวังว่าการออกมาเปิดเผยในครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนสำหรับพ่อแม่บ้านอื่นๆ ให้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก ส่วนครอบครัวหัวขโมยดังกล่าว ต่อให้เข้ามาเสนอเงินชดเชยให้ทางร้าน และทางเจ้าของร้านเองก็กำลังยังคิดอยู่ว่าควรจะแจ้งตำรวจดีหรือไม่

ข้อมูลจาก SAYS