พบผู้ติดเชื้อ"โรคฝีดาษวานร"ต่อเนื่องในไทย เกือบ 70 % ติดเอชไอวีร่วมด้วย
ฝีดาษวานร รายใหม่ในประเทศไทย เกือบ 70 % ติดเชื้อเอชไอวีร่วม ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย มีประวัติมีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน แนะ 5 ข้อป้องกันติดเชื้อ
21ก.ย.66 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดของโรคฝีดาษลิง หรือฝีดาษวานรในประเทศไทย ข้อมูลวันที่ 1 มกราคม - 18 กันยายน 2566 พบผู้ป่วยรวม 385 ราย เสียชีวิต 1 ราย และในสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 42 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 41 ราย เพศหญิง 1 ราย จำนวนนี้เป็นสัญชาติไทย 38 ราย เมียนมา 2 ราย จีน 1 ราย อิตาลี 1 ราย ในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยถึง 29 ราย คิดเป็นร้อยละ 69 ของผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด และ 17 ราย หรือร้อยละ 40.5 มีประวัติเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก
ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแนะนำสำหรับผู้ที่มีประวัติเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานร ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย ทำความสะอาดห้องหรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยขณะผู้ป่วยมีอาการ เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยหรือสงสัยป่วยฝีดาษวานร พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร
โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และ นั่งชิดติดกับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานร โดนไอจามรดโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หากมีประวัติดังกล่าว ให้สังเกตอาการตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ หรือมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก ไอ มีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือบริเวณรอบๆ รวมถึงมีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า บริเวณปาก หรือ อวัยวะเพศและรอบทวารหนัก ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ทั้งนี้ ย้ำว่า โรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันได้ โดยงดเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และขอให้หน่วยงานสาธารณสุขทุกจังหวัดร่วมกันเฝ้าระวังติดตามกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งสื่อสารวิธีการป้องกันการแพร่เชื้อ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำในการปฏิบัติตนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422