เทรนด์ดังติ๊กต็อกสังเวยแล้ว 4 ชีวิต พ่อลูกสามทำตาม ดับสลดต่อหน้าครอบครัว
คอนเทนต์มรณะ เทรนด์ดังติ๊กต็อกสังเวยแล้ว 4 ชีวิต สุดช็อก เห็นพ่อลูก 3 ทำตาม ก่อนครอบครัวเห็นดับสลดต่อหน้าต่อตา
เทรนด์ดังติ๊กต็อกสังเวยแล้ว 4 ชีวิต พ่อลูกสามทำตาม ดับสลดต่อหน้าครอบครัว : กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการแอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน รวมทั้งพ่อด้วย เนื่องจากติดตามเทรนด์ใหม่อย่าง TikTok ที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งชอบความตื่นเต้นกระโดดจากด้านหลังของเรือเร็ว ทำให้คอของพวกเขาหักและจมน้ำ
โดยการเล่นชาเลนจ์นี้ ผู้ที่เล่นจะต้องไปยืนอยู่บริเวณท้ายเรือ ของเรือที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จากนั้นผู้ที่เล่นจะต้องกระโดดพุ่งออกไปจากท้ายเรือ ในลักษณะสวนทางกับทิศทางเรือที่พุ่งไปด้านหน้า และจะตกลงไปในน้ำ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเสียชีวิตไม่ใช่จากการจมน้ำ แต่เป็นคอหักก่อนที่จะสำลักน้ำ
ด้าน ตำรวจในแอลาบามา ได้กล่าวว่า เทรนด์การเล่นแบบใหม่นี้ ได้คร่าชีวิตของผู้เล่นไปแล้วถึง 4 คน เนื่องจากพวกเขาคอหักหลังปะทะลงกับน้ำอย่างรุนแรง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้กล่าวเสริมว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาต้องรับมือกับเหตุการณ์จมน้ำที่ไม่จำเป็น โดยมีสาเหตุมาจากการเล่นดังกล่าวด้วย
ร.อ.จิม เดนนิส (Jim Dennis) จากหน่วยกู้ภัยชิลเดรสบวร์ก เปิดเผยว่า "ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายที่เราเข้าช่วยเหลือ ล้วนแต่อยู่ในสภาพคอหัก ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันทำให้ตายได้ ผมคิดว่าผู้คนมักจะทำอะไรโง่ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง เพราะพวกเขาอยากจะอวดเพื่อนๆ และโชว์มันลงโซเชียลมีเดีย"
อีกทั้งยังมีรายงานอีกว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นคุณพ่อลูก 3 โดยในขณะที่เกิดเหตุเจ้าตัวได้เดินทางบนเรือ พร้อมหน้าไปด้วยลูก ภรรยา และคนที่รักมากมาย ทว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องมาเห็นฉากการเสียชีวิตของเขาแทน ซึ่งวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับ ชาเลนจ์กระโดดลงจากเรือ เริ่มได้รับคำเตือนจากชาวเน็ตมากขึ้น บางก็ว่า มันอันตรายมาก ไม่เจ๋งเลย และ อันตรายมาก มีคนตั้งสี่คนที่คอหักตายจากเหตุนี้
ทั้งนี้ ร.อ.จิม เดนนิส เปิดเผยอีกว่า เหยื่อรายแรกเสียชีวิตในเดือน ก.พ. หลังจากจมดิ่งลงไปในแม่น้ำคูซา ขณะที่ภรรยาและลูก ๆ เฝ้ามองจากในเรือ จุดจบที่น่าเศร้าดังกล่าว มีแนวโน้มเป็นปัญหาสำหรับผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากกรณีเลียนแบบนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นปี
นี่ไม่ใช่เทรนด์การเล่นที่อันตรายจนมีผู้เสียชีวิตครั้งแรก เพราะหากมองย้อนกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมา จะพบว่าเคยมีเหตุสลดเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือเทรนด์การกลืนเม็ดยาต้านฮิสตามีนหลายเม็ดเพื่อกระตุ้นให้เกิดภาพหลอน ซึ่งในเหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ เด็กวัย 13 ปี 1 ราย และเด็กวัย 15 ปี อีก 1 ราย
สุดท้าย ร.อ.จิม เดนนิส จากหน่วยกู้ภัยชิลเดรสบวร์ก ยังเรียกร้อง โดยระบุชัดเจนว่า หากไม่อยากสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จงอย่าทำพฤติกรรมเช่นนี้อีกเป็นต่างหาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัตราความเร็วที่สูงของเรือรวมกับน้ำนิ่ง ทำให้เกิดลานจอดที่อันตราย ซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกับคอนกรีต หากผู้ที่กระโดดจากเรือที่กำลังแล่นไม่ได้ปกป้องคอและศีรษะ พวกเขาอาจเป็นอัมพาตถาวร และที่ร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิตทันที