จนท.เร่งค้นหา เรือดำน้ำ พานักท่องเที่ยวทัวร์ "ซากไททานิค" จมหายใต้ทะเลลึก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังค้นหาด่วน เรือดำน้ำ พานักท่องเที่ยวชม "ซากไททานิค" จมหายใต้ทะเลลึก ในมหาสมุทรแอตแลนติก
จากกรณีการจมของเรือไททานิค (Titanic) หรือ เรืออาร์เอ็มเอส ไททานิค (RMS Titanic) ชนภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอตแลนติก จมลงในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2455 หลังจากออกเดินทางวันที่ 12 เมษายน ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถกู้ซากเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ณ เวลานั้น) ลำนี้ขึ้นมาได้ และการจมเป็นเวลานาน ทำให้มีหลายคนสนใจจะเข้าไปชมซากเรือดังกล่าวจำนวนมาก ล่าสุดมีรายงานว่า เรือดำน้ำขนาดเล็ก ได้สูญหาย ในมหาสมุทรแอตแลนติก ขณะพานักท่องเที่ยวลงสำรวจซากเรือไททานิค หน่วยกู้ภัยกำลังออกค้นหาโดยด่วน
ซึ่งหน่วยยามชายฝั่งบอสตัน เผยกับ บีบีซี ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการเร่งค้นหาเรือดำน้ำลำดังกล่าวนอกชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าผู้โดยสารในเรื่องทั้งหมดมีจำนวนเท่าใด
นอกจากนี้ เรือดำน้ำขนาดเล็กจะพานักท่องเที่ยวและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจ่ายเงินไปดูซากเรือไททานิค ที่อยู่ลึกลงไป 3,800 เมตร ใต้ผิวมหาสมุทร ก่อนที่เรือดำน้ำลำดังกล่าว สูญหายขณะกำลังเดินทางไปยังซากเรือไททานิค โดยขาดการติดต่อหลังออกเดินทางไปได้ 1 ชั่วโมง 45 นาที
ด้าน OceanGate Expeditions บริษัทเอกชนที่ให้บริการเรือดำน้ำสำหรับการสำรวจใต้ทะเลลึก เพิ่งเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า "อยู่ระหว่างค้นหา" ทั้งนี้ บริษัทได้เรียกเก็บเงินลูกค้า 250,000 ดอลลาร์ สำหรับการสำรวจดูซากเรือ 8 วัน แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าเรือลำหนึ่งหายไปหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือดำน้ำลำหนึ่ง จะสามารถโดยสารได้ 5 คน จะมีคนขับ 1 คน แขกที่นั่งไปด้วย 3 คน และผู้เชี่ยวชาญอีก 1 มีรายงานด้วยว่าการเดินทางดำลงไปในซากเรือ รวมเวลาขึ้นลง จะใช้เวลาราว 8 ชั่วโมง
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจชาวอังกฤษที่ประจำอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือดำน้ำ ตามการโพสต์บนโซเชียลมีเดียของบริษัท Action Aviation ที่เขาเป็นเจ้าของ
สำหรับ OceanGate Expeditions ให้บริการนำผู้โดยสารไปยังซากเรือไททานิกที่ก้นมหาสมุทรด้วยราคาเริ่มต้นที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 8.7 ล้านบาท ซึ่งการเดินทางจะใช้เวลา 8 วันด้วยเรือดำน้ำไททัน เริ่มต้นจากเมืองเซนต์จอห์น รัฐนิวฟาวด์แลนด์ แคนาดา และเริ่มต้นด้วยการเดินทางระยะทาง 700 กิโลเมตรไปยังซากเรือ และดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเพื่อดูไททานิกอย่างใกล้ชิด ซึ่งอยู่ลึกลงไปกว่า 3,800 เมตร
จากข้อมูลของ OceanGate Expeditions ไททันเป็นเรือดำน้ำน้ำหนักกว่า 10.4 ตัน ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และไททาเนียม มีการใช้ "ระบบตรวจสอบสุขภาพตัวเรือตามเวลาจริง (RTM)" ซึ่งวิเคราะห์ความดันบนเรือและความสมบูรณ์ของโครงสร้างได้แบบเรียลไทม์
สำหรับโศกนาฏกรรมเรือไททานิกนั้น เป็นเรือลำใหญ่ที่สุดในยุคนั้น แต่ได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในการเดินทางครั้งแรกจากเซาแธมป์ตันไปนิวยอร์กในปี 1912 เป็นเหตุให้มีเสียชีวิตมากกว่า 1,500 คนจากผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 2,200 คน ซึ่งซากปรักหักพังของไททานิกถูกสำรวจมาโดยตลอดนับตั้งแต่ถูกค้นพบในปี 1985 โดยซากเรือแบ่งเป็นสองส่วน โดยหัวเรือและท้ายเรือแยกจากกันประมาณ 790 เมตร
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งมีการสแกนดิจิทัลซากเรือขนาดเต็มได้เป็นครั้งแรก โดยถูกสร้างขึ้นโดยใช้การทำแผนที่ใต้ทะเลลึก การสแกนแสดงทั้งขนาดของเรือ ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น หมายเลขประจำเครื่องบนหนึ่งในใบพัด เป็นต้น
ภาพจาก OceanGate Expeditions