สาววัย 26 เจ็บคอหลังกินหม้อไฟ สุดท้ายเสียชีวิตหลังถึงมือหมอแค่ 10 นาที

สาววัย 26 เจ็บคอหลังกินหม้อไฟ สุดท้ายเสียชีวิตหลังถึงมือหมอแค่ 10 นาที : อีกหนึ่งความสูญเสียที่เรียกว่าอยู่ใกล้ตัวมากๆ เมื่อมีรายงานการเสียชีวิตของ สาวจีนวัย 26 ปี ที่ได้ไปกินหม้อไฟกับกลุ่มเพื่อนเพื่อฉลองวันเกิดหลังเลิกงาน แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อกลับไปบ้าน จะเกิดอาการเจ็บคอกะทันหัน และอาการยิ่งทรุดหนักในวันต่อมา ถึงขั้นต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตหลังหัวใจหยุดเต้นนาน 10 นาที

 

 

โดยเหตุช็อกดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก สวีฮ่าว แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรมประสาท ที่โรงพยาบาลในมณฑลอานฮุย โดยพบว่าหญิงรายนี้ทำงานล่วงเวลาจนถึงดึก หลังเลิกงานเธอก็รีบไปพบเพื่อนๆ เพื่อฉลองวันเกิดของเธอ และกินดื่มกันจนถึงเที่ยงคืน

จากนั้นเธอก็กลับบ้านและอาบน้ำ แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บคอมาก แถมวันรุ่งขึ้นอาการก็ยิ่งแย่ลงจนเธอหายใจลำบาก แต่เพราะเธอต้องไปทำงาน เธอจึงกินยาแก้ปวดและแก้อักเสบเพื่อบรรเทาอาการ ก่อนจะออกไปทำงานตามปกติ

กระทั่งมาถึงบริษัท อาการป่วยของเธอไม่ทุเลา กลับกันมันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนต้องลาไปพบแพทย์ แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเธอก็ยืนแทบไม่ไหว เกือบจะล้มลง จนมีพยาบาลคนหนึ่งเข้ามาช่วยเธอจึงเข้าไปยังแผนกผู้ป่วยนอกได้

 

ขณะที่แพทย์พบว่ามีบางอย่างปิดปกติจึงเรียกแพทย์จากแผนกหู คอ จมูก ให้มาช่วยตรวจ แต่ไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ เธอจะหายใจไม่ออกแล้วล้มไปกับพื้น แม้ทีมแพทย์จะพยายามช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้ โดยพบว่าระยะเวลาที่เธอไปถึงโรงพยาบาลจนถึงตอนที่เสียชีวิต เป็นช่วงเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น

จากการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่าฝาปิดกล่องเสียงของคนไข้บวมอย่างเห็นได้ชัด และสันนิษฐานว่าเธอน่าจะเกิดอาการฝาปิดกล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน ทำให้เธอเจ็บคอมาก กลืนลำบาก และมีอาการหายใจลำบาก ร่วมกับหนาวสั่น

ด้านแพทย์ยังสันนิษฐานว่า อาจเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยทานหม้อไฟ การที่ถูกกระตุ้นด้วยอุณหภูมิสูงและรสเผ็ดร้อน ส่งผลให้ฝาปิดกล่องเสียงเกิดการอักเสบและบวม จากนั้นก็ถูกกระตุ้นด้วยเครื่องดื่มเย็น ทำให้อาการแย่ลงอีก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาการคล้ายกับการเจ็บคอธรรมดา คนมักมองข้ามได้ง่าย จึงนำมาสู่โศกนาฏกรรมในครั้งนี้

 

อย่างไรก็ตาม แพทย์หู คอ จมูก ยังเผยว่า อาการฝาปิดกล่องเสียงอักเสบเฉียบพลัน แม้จะน่ากลับ แต่หากได้รับการรักษาทันเวลา ก็สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ในเวลาไม่นานนัก

ข้อมูลจาก Oriental Daily, Sinchew