ลูกชายทายาทเศรษฐี เพิ่งได้มรดก ล้านถูกพบเสียชีวิต หลังจดทะเบียนสมรส
แม่ใจสลาย ลูกชายทายาทเศรษฐีวัย 18 เพิ่งได้รับมรดกกว่า 500 ล้าน ถูกพบเสียชีวิต หลังจดทะเบียนสมรสกับเพศเดียวกันไม่กี่ชั่วโมง
ลูกชายทายาทเศรษฐี เพิ่งได้มรดก ล้านถูกพบเสียชีวิต หลังจดทะเบียนสมรส : สำนักข่าวต่างประเทศต่างรายงานเรื่องราวของ นายไล่ ทายาทเศรษฐีชาวไต้หวันวัย 18 ปีคนหนึ่ง ที่เพิ่งได้รับมรดกมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ ประมาณ 563 ล้านบาท จากการเสียชีวิตของพ่อเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ถูกพบเป็นศพที่บริเวณพื้นนอกคอนโดหลังหนึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากจดทะเบียนสมรสกับนายเซี่ย วัย 26 ปี
ด้านนางเฉิน สัญชาติจีน แม่ของผู้เสียชีวิต และทนายความ จัดงานแถลงข่าวเรื่องนี้ขึ้นที่เมืองไถจง ตอนกลางของไต้หวัน เมื่อวันศุกร์ (19 พ.ค.) ที่ผ่านมา ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เป็นวันจัดงานฌาปนกิจสามีที่เสียชีวิตมาตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ต่อมาตนและลูกชายจึงนำเถ้ากระดูกไปไว้ที่อาคารเก็บอัฐิ และขณะนั้นนายเซี่ย ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ก็ติดต่อไปหาลูกชาย และคะยั้นคะยอให้ออกไปข้างนอก โดยอ้างว่าจะไปจัดการมรดก
"จากนั้นเวลา 07.00 น. วันรุ่งขึ้น (4 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ นายเซี่ยมารับลูกชายที่บ้านและพากันออกไป แต่หลังจากนั้นหลายชั่วโมงลูกชายก็ไม่ติดต่อมา จึงพยายามตามหา แต่สุดท้ายก็ได้รับข่าวร้ายจากตำรวจว่าลูกชายของตนเสียชีวิตแล้วเพราะพลัดตกลงมาจากชั้น 10 ของคอนโดมิเนียมหลังหนึ่งในเขตเป่ย์ถุน เมืองไถจง และต่อมาก็ทราบอีกว่าชั้นดังกล่าวเป็นชั้นที่นายเซี่ยอาศัยอยู่" แม่นายไล่ระบุ
แต่เรื่องที่น่าตกใจยังไม่จบเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นนางเฉิน แม่ของผู้เสียชีวิต ก็ทราบอีกว่า นายไล่จดทะเบียนสมรสกับนายเซี่ยเพียงแค่ 2 ชั่วโมงก่อนเสียชีวิต ขณะที่ ทนายความของนางเฉิน กล่าวต่อสื่อมวลชนในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (19 พ.ค.) ว่าเป็นไปได้ที่นายไล่ถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิจเพื่อเอามรดก
นางเฉิน แม่ผู้เสียชีวิตระบุอีกว่า ตนไม่เชื่อว่าลูกชายของจะกระโดดตกลงมาเองอย่างแน่นอน เพราะไม่มีเหหตุผลต้องทำเช่นนั้น อีกอย่างลูกชายของตนเป็นคนว่านอนสอนง่าย และที่ผ่านมาเพิ่งได้รับจักรยานยนต์เป็นของขวัญและเพิ่งสอบใบขับขี่มาได้ ทั้งยังบอกตนว่าจะพาตนซ้อนไปเที่ยวด้วย อีกทั้ง ลูกชายของตนไม่ได้ชอบผู้ชาย เพราะเคยสารภาพรักเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่โรงเรียน และลูกชายเคยเจอนายเซี่ยแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
ทั้งนี้ ทนายความเผย นายเซี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อผู้เสียชีวิตมาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นผู้จัดการมรดกของนายไล่ผู้พ่อด้วย จึงเชื่อว่านายเซี่ยทราบมูลค่าของสินทรัพย์เเหล่านี้เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดิน
พร้อมกันนี้ นายเซี่ยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในไต้หวันว่า นางเฉินมองเรื่องนี้แค่ด้านเดียว ด้านอัยการแขวงไถจง เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. มีการสอบสวนนายเซี่ยในฐานะผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม แต่ต่อมาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (338,113 บาท)
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ค.) อัยการเรียกนายเซี่ยและพ่อของนายเซี่ยไปสอบสวนนานราว 5 ชั่วโมง และเมื่อเสร็จสิ้น สื่อมวลชนก็เข้าไปสัมภาษณ์ ซึ่งมีคนหนึ่งถามนายเซี่ยว่ารักนายไล่หรือไม่ แต่นายเซี่ยไม่ได้ตอบ ทั้งยังไม่ได้กล่าวขอโทษครอบครัวของนายไล่ด้วย
นอกจากนี้ หัวหน้าสำนักงานอัยการแขวงไถจง ไมได้เปิดเผยรายละเอียดของการสอบสวนดังกล่าวมากนัก แต่เผยว่านายเซี่ยผู้พ่อมาเป็นพยานให้ และมีการชันสูตรศพนายไล่ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ค. และกำลังหาสาเหตุการตายอยู่
ทว่าฝ่ายทีมกฎหมายของนางเฉิน แม่ผู้เสียชีวิต ก็มีการเชิญนายเกา ต้าเฉิง ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ชื่อดังของไต้หวันมาตรวจสอบศพของนายไล่และสถานที่เกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์ (21 พ.ค.) ซึ่งนายเกาเผยว่าบาดแผลของนายไล่นั้นไม่น่าจะเกิดจากการพลัดตกจากชั้น 10 เพราะไม่พบว่ามีเลือดออกในศีรษะหรือช่องท่อง พบเพียงแค่กระดูกศอกขวาร้าวเท่านั้น
อีกทั้งนายเกาให้ความเห็นอีกว่า นายไล่น่าจะถูกวางยาก่อนตกลงมา เพราะพบว่ามีเศษแก้วอยู่ในจุดที่นายไล่อาเจียน ทั้งนี้ ยูไนเต็ดเดลินิวส์ สำนักข่าวจากไต้หวัน รายงานว่า แม่ของนายไล่ย้ายมาอยู่ที่ไต้หวันเมื่อปี 2545 เพื่อแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับชายคนหนึ่งที่มีความพิการทางร่างกาย แต่เมื่อปี 2551 ชายคนนี้เสียชีวิตลง
ต่อมานางเฉินก็ตั้งครรภ์กับพ่อสามี เด็กคนดังกล่าวก็คือนายไล่ วัย 18 ปี ส่วนพ่อของสามีก็รับนายไล่ที่เป็นลูกแท้ๆ ของตัวเองเป็นลูกบุญธรรม เพื่อให้เป็นทายาทที่สามารถรับมรดกได้
หนังสือพิมพ์ เดอะ ลิเบอร์ตี ไทม์ส จากไต้หวัน รายงานว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายของนางเฉินกำลังหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อไม่ให้นายเซี่ย ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้รับมรดกของนายไล่ โดยระบุว่าการสมรสของทั้งคู่นั้นมีหลายจุดที่น่าสงสัย หนึ่งในนั้นคือพยานการจดทะเบียนสมรส 2 คน ที่คนหนึ่งนายเซี่ยหามาจากร้านสะดวกซื้อและอีกคนหามาจากนอกสำนักงานทะเบียนราษฎร์
พยานทั้ง 2 คนนี้ เผยว่าพวกตนไม่รู้จักกัน แต่ตกลงเป็นพยานให้หลังจากนายเซี่ยขอร้อง โดยอ้างว่าคนในครอบครัวไม่มาเป็นพยานเพราะไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ที่ไต้หวันเป็นดินแดนเดียวในทวีปเอเชียที่อนุญาตให้คู่รักไม่ว่าเพศใดจดทะเบียนสมรสได้ โดยมีผลมาตั้งแต่ปี 2562