โฉมหน้า สาวผู้ซื้อบ้านหรู ให้ ทนายตั้ม ส่งลูกเรียนที่ฝรั่งเศส พร้อมเหตุผล
เปิดโฉมหน้า สาวผู้ซื้อบ้านหรู ให้ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ส่งลูกเรียนที่ฝรั่งเศส พร้อมเผยสาเหตุชัดเพราะอะไรถึงซื้อให้...
จากกรณี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาชี้แจงประเด็นดรามาหลายประเด็นที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตนยินดีจะตอบทุกข้อสงสัยของสังคม รวมถึงเรื่องความร่ำรวยของตัวเองว่ามาจากการทำธุรกิจบริษัทลอว์เฟิร์ม ช่วงเมษายน 2565 มียอดรวมรายได้ 22 ล้านบาท จากการรับว่าความ และเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทหลายแห่ง แต่ยังเปิดเผยข้อมูลรายได้ไม่ได้ เพราะข้อมูลยังไม่เสร็จ ซึ่งในปีที่แล้ว ตนเสียภาษีไปหลักล้านบาท
นายษิทรา เล่าย้อนชี้แจงไปถึงตอนทำคดีลุงพล ที่มีข่าวว่า FC โอนเงินมาให้เป็นแสนว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนั้นไม่มีใครว่าจ้าง ตนใช้เงินเก็บตัวเอง ส่วนมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนที่ตนเป็นเลขาธิการ ก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องการเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์มีหญิงสาว 2 ราย คือ น.ส.อ้อย (นามสมมติ) และเลขาฯ ของ น.ส.อ้อย ที่ระบุว่ารู้จักกับทนายตั้มช่วงบริจาควัคซีนโควิด-19 เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว มาร่วมสัมภาษณ์ชี้แจงประเด็นดรามา VIP ตำรวจช่วยเคลียร์ทาง และบริการยกกระเป๋า โดยระบุว่า วันนั้นตั้มมาส่งที่สนามบิน ขณะนั้นมีตำรวจที่รู้จักทนายตั้มเข้ามาทักทายและช่วยยกกระเป๋าให้ แต่ตนเองก็ปฏิเสธไป
น.ส.อ้อย ระบุเรื่องคลิปวิดีโอที่มีพนักงานยกมือไหว้ต้อนรับตอนที่เช็กอินว่า เป็นบริการของสายการบิน ส่วนเรื่องช่องที่เป็น Fast Track ก็เป็นบริการสำหรับผู้โดยสารชั้น Business หรือ First Class ไม่ได้มีบริการเพิ่มจากตำรวจท่องเที่ยวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องบ้านหรูและคอนโดมิเนียมที่ฝรั่งเศส ตนเป็นผู้ซื้อเอาไว้ที่ฝรั่งเศสเพื่อให้ลูกของทนายตั้มไปเรียน เพราะรักกันเหมือนพี่น้อง เคยช่วยกันมาหลายเรื่อง และยืนยันว่าจะเอาเรื่องคนที่นำภาพของตนเองไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต
จากนั้น ทนายตั้ม ได้กล่าวชี้แจงเรื่อง "สารวัตรซัว" ว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้จักชื่อครั้งแรกในวันที่ไปกับกองปราบฯ โดยยินดีให้ทุกคนตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเว็บพนันใด ๆ หาก DSI เรียกไปตรวจสอบเพิ่มก็ยินดี
ส่วนประเด็นที่มีภาพคู่กับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล นั้นยอมรับว่ารู้จักกันมาได้ 5 ปีแล้ว หากมีเรื่องอะไรก็จะไปปรึกษา การโพสต์ภาพไม่ได้ต้องการอวดอ้างว่าสนิทกับใคร เพราะตนโพสต์ในเฟซบุ๊กชื่อลูกที่มีเพื่อนหลักร้อยคนเท่านั้น และได้ขอโทษ รอง ผบ.ตร. ไปแล้วในเรื่องที่เกิดขึ้น