บิ๊กโจ๊ก ลั่น ปรามทนายตั้มไปเยอะแล้ว เป็นทนายเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทนายหิวแสง

25 เมษายน 2566
126

บิ๊กโจ๊ก รับสนิททนายตั้ม ปัดสั่งให้ตำรวจท่องเที่ยวยกกระเป๋าที่สนามบิน ระบุทนายประชาชนต้องทำจริง ไม่ใช่หิวแสง

วันที่ 25 เมษายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์คลิปตำรวจท่องเที่ยวอำนวยความสะดวกให้กับลูกความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมระบุเพราะทนายตั้มมีความสนิทกับตน ว่า

บิ๊กโจ๊ก ลั่น ปรามทนายตั้มไปเยอะแล้ว เป็นทนายเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทนายหิวแสง

ยอมรับว่าสนิทกับทนายตั้ม หลายคนผมก็มีความสนิทเพียงแต่ว่าทนายตั้มเป็นคนชอบโพสต์ ภาพเหล่านี้จึงออกไปปรากฎต่อสาธารณะ การรู้จักกันสนิทกันไม่ได้หมายความว่าให้ทนายตั้มไปทำผิดกฎหมายได้ ส่วนที่ตำรวจท่องเที่ยวไปหิ้วกระเป๋ากับภาพที่ปรากฏ ต้องเรียนว่าผมไม่ได้สั่ง นิสัยผมเป็นคนเข้มงวดเรื่องวินัย ผมจะไม่สั่งลูกน้องทำแบบนี้อยู่แล้ว

อีกอย่างการที่มีตำรวจท่องเที่ยวไปรับใครก็ตามที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจท่องเที่ยวต้องตรวจสอบให้ได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ใครสั่ง มันหาไม่ยากว่าใครสั่งแล้วไปรับได้อย่างไร มันเสียหายกับภาพลักษณ์ตำรวจ เพราะฉะนั้นขอเรียนตรงๆว่าเราเป็นตำรวจรู้จักทุกคนได้หมด แต่ว่ารู้จักผมแล้วจะทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากินข้าวกับผมแล้วจะไปยิงใครก็ได้ ถ้ากินข้าวกันรู้จักกัน ถ้าทำผิดกฎหมายก็จับแล้วห้ามโกรธกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกันกับทนายตั้มรู้จักกันยังไม่มีอะไรที่เป็นความผิด ถ้าเป็นความผิดก็ต้องดำเนินคดีกับทนายตั้มเช่นเดียวกัน ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด ที่มีภาพตนปรากฎกับทนายตั้มเป็นภาพจริง เขาเป็นทนายบางทีก็มีกลุ่มเพื่อนทนาย ก็มีการพูดคุยเรื่องคดีต่างๆ เพราะผมทำงานด้านสืบสวนสอบสวน บางทีคนอื่นเอาไปโพสต์หรือตั้มนำไปโพสต์จึงเกิดประเด็นขึ้น

บิ๊กโจ๊ก ลั่น ปรามทนายตั้มไปเยอะแล้ว เป็นทนายเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทนายหิวแสง

ผู้สื่อข่าวถามว่าทนายตั้มนำภาพไปโพสต์จะเกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ไม่กระทบอะไร ทุกวันนี้ทนายตั้มก็มีทนายความอยู่ คดีความของเขาก็ต้องไปต่อสู้เอง วันนี้ไม่มีใครมาฟังเขา แม้แต่อัยการยังสั่งคดีเขาอยู่ ไม่มีใครไปแทรกแซงได้ ผมเองก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับคดีเขา ขนาดตำรวจด้วยกันผมยังจับถ้าทนายตั้มผิดผมก็ต้องจับ อย่าไปคิดว่ากินข้าวกับผม รู้จักกับผมแล้วต้องทำผิดกฎหมายได้ เราเป็นตำรวจเรารู้จักคนทุกสังคมไม่ว่าจะเป็นคนข้างบนหรือข้างล่าง ไม่ใช่แต่ทนายตั้มที่รู้จัก หรือกินข้าวคนอื่นก็เหมือนกันเพียงแต่ทนายตั้มชอบโพสต์ 
        
เมื่อถามถึงการที่ทนายตั้มซื้อของแบรนด์เนมอย่างเช่น เสื้อ เนคไท มามอบให้ผิดกฎของราชการหรือไม่ รองผบ.ตร. ถามกลับว่าซื้อให้ใคร ภาพที่ปรากฏไม่ใช่วันเกิดของตน แต่เป็นวันเกิดของภรรยาเขาไม่ได้ซื้อให้ผม ผมไม่เคยเอาของอะไรของเขามาเลย ไม่มีใครซื้อของมาให้ผมได้ ตั้มไม่มีปัญญาซื้ออะไรมาให้ผม มีแต่ผมต้องให้เขาด้วยซ้ำ ใครจะพูดอะไรก็ตามอยู่ที่ความเป็นจริง ส่วนทนายตั้มวันนี้เมื่อเขาทำอะไรไปผลลัพธ์ก็เกิดกับเขาเอง วันนี้จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำอะไรไปจริงบ้างไม่จริงบ้าง สุดท้ายผลลัพธ์ก็ตกอยู่กับตัวเอง โลกโซเชียลมีเดียใครทำจริงไม่จริงไม่ต้องรอให้ใครมารายงาน สังคมตรวจสอบเอง 
        
เมื่อถามต่อว่าจะเรียกทนายตั้มมาปราม หรือถอยห่างออกมาหรือไม่ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อันไหนคือพวกก็คือพวก หลักของผมไม่ใช่ว่าวันนี้เขาแย่แล้วเราจะไปทิ้งเขาไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ช่วยสนับสนุนเขาทำในสิ่งไม่ถูกต้อง เพื่อนคือเพื่อน พวกคือพวก ทนายตั้มผมปรามไปเยอะแล้ว บอกไปตั้งนานแล้วว่าการเป็นทนายเพื่อประชาชนมันไม่ใช่ทนายที่หิวแสง การเป็นทนายประชาชนต้องไม่ใช่ทนายเซเลป ต้องเป็นทนายที่ทำจริง ทำให้ประชาชนเห็น 
        
เมื่อถามอีกว่าดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เขาไม่ใช่ญาติผมเขาจะฟังผมได้ไง แต่เราก็เตือนในฐานะเป็นน้อง ผมไม่ได้สนิทถึงขนาดที่ต้องไปบอกให้เขาทำอะไรได้ แต่ถามว่าที่ผ่านมาเราดีกันแต่วันนี้อยู่จะให้ไปตัดกันเลยไม่ได้ วันนี้เขาตกอับเราจะไปทิ้งเขาก็เป็นคนที่คบไม่ได้
        
เมื่อถามอีกว่าทางนายชูวิทย์ ได้เตือนให้ระวังการกระทำของทนายตั้มจะทำให้ได้รับผลกระทบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณพี่ชูวิทย์ แต่ผมรู้ว่าผมอยู่แค่ไหน ผมรู้จักกับใครก็กินข้าวกัน บางคนเป็นผู้ต้องหาที่ประกันตัวออกมาผมก็กินข้าวด้วย แต่ถ้าไม่โพสต์ก็ไม่มีคนรู้ แต่ทนายตั้มเป็นคนชอบโพสต์ก็ได้มีการเตือนไปตั้งนานแล้วเป็นทนายประชาชนต้องทำจริงแต่ไม่ใช่ทนายหิวแสง หรือทนายเซเลป สิ่งที่เขาเจอวันนี้เป็นบทเรียน ไม่ต้องมีใครสอนเขา สิ่งที่เขากำลังเจอจะเป็นบทเรียนให้เขา ส่วนผมจะโดนกระทบกระทั่งบ้างก็ไม่เป็นไร ถือว่าเรารู้จักกัน คนสองคนทะเลาะกันสะเก็ดกระเด็นมาถูกผมบ้างก็ไม่เป็นไร และการที่คนสองคนทะเลากันผมก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่โกรธพี่ชูวิทย์ เพราะผมถือว่าไม่เป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องจริงป่านนี้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบผมไปแล้ว ส่วนที่มีการคุยกับคุณชูวิทย์วานนี้ (24 เม.ย.) เพราะเห็นเขาโพสต์ก็อธิบายให้เขาฟังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ใครทำก็ต้องรับผิดชอบไป