หนุ่มเมาชนท้ายจยย. เหินฟ้าชนเก๋งดับยกครัว เศร้าลูกสาวเสียชีวิตในวันเกิด
หนุ่มเมาแล้วขับซิ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนน เหินลอยขึ้นไปตกลงบนหลังคารถเก๋งดับยกครัว 5 ราย สุดเศร้าลูกสาวเสียชีวิตในวันเกิด
อีกหนึ่งข่าวเศร้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากกรณีมีรายงานการเกิดอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ รถชนกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 226 สาย ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี ช่วงปากทางเข้าบ้านโนนสังข์ ต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรารมย์ จึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย สาเหตุเกิดจาก รถเก๋ง โตโยต้า ยารีส สีขาว ซึ่งมี นายลิขิต อายุ 28 ปี เป็นคนขับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนชนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีแดง ทำให้คนขี่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนน เหินลอยขึ้นไปตกลงบนหลังคารถเก๋ง ฮอนด้า สีดำ ที่มี นายเสงี่ยม อายุ 50 ปี ขับมุ่งหน้าเข้าจังหวัดอุบลราชธานี โดยเดินทางมาด้วยกัน 5 คน คือ พ่อ แม่ และลูกอีก 3 คน เสียชีวิตยกครอบครัวพร้อมกันทั้งหมด
จากการตรวจสอบคนขับรถเก๋งสีขาวคันก่อเหตุ ไม่มีใบขับขี่และอยู่ในอาการมึนเมา ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเมาแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ ขับรถในขณะมึนเมาสุราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด , ขับรถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ และ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมนำส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่นั่งมากับรถเก๋งคันก่อเหตุ 3 ราย และคนขี่รถจักรยานยนต์ 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกันทรารมย์ อาการปลอดภัยแล้ว
ต่อมามีรายงานเพิ่มเติมว่า รถเก๋งฮอนด้า สีดำที่เสียชีวิตยกครอบครัว พบว่า ลูกสาวคนที่ 2 มีอายุครบวันเกิด 18 ปี ในวันที่ 2 มกราคม 2566 พอดี
โดยจากการสอบสวนนายลิขิต ให้การอ้างว่า คืนก่อนเกิดเหตุได้ดื่มเหล้าขาวประมาณครึ่งขวด แล้วเข้านอนตอนเที่ยงคืน และในตอนเช้าของวันเกิดเหตุ (2 มกราคม) ตนได้ดื่มเหล้าขาวอีกประมาณ 1 เป๊ก ต่อมาในตอนบ่ายได้ขับรถคันเกิดเหตุ จะพาญาติเดินทางไปทำธุระที่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุเกิดอาการวูบ หลับใน จนทำให้เฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ และทำให้รถเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปทับบนรถเก๋ง ฮอนด้า สีดำ ที่แล่นสวนทางมา เป็นเหตุให้นายเสงี่ยม พร้อมครอบครัว เสียชีวิตดังกล่าว
ขอบคุณภาพจาก วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews