ผู้ป่วยบัตรทอง เช็คเลย หลัง สปสช. ยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน ยังรักษาต่อได้ไหม
สปสช. ยืนยันไม่ลอยแพผู้ป่วย หลังยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน ในระบบบัตรทอง พร้อมจัดหน่วยบริการรองรับ 1 ต.ค. 65 ยังรักษาตามสิทธิได้เช่นเดิม
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เผยถึงกรณีการยกเลิกสัญญาบริการสาธารณสุขโรงพยาบาลเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท 9 แห่ง ได้แก่ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา 1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 เป็นต้นไป หลังตรวจพบการเบิกจ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขไม่ถูกต้อง
พร้อมยืนยันไม่กระทบต่อการรักษาผู้ป่วย โดยได้เตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน เช่น คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และร้านยา ฯลฯ และจัดระบบบริการปฐมภูมิรูปแบบใหม่คือ ระบบบริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นต้น
มาตการรองรับผู้ป่วยที่ต้องรักษาต่อเนื่อง
1.ผู้ป่วยในที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ. 9 แห่ง รักษาต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษาโดย สปสช. จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
2.ผู้ป่วยนัดรักษา 5 กลุ่ม ได้แก่ สตรีใกล้คลอด, ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับเคมีบำบัดและรังสีรักษา, ผู้ป่วยมีนัด ทำอัลตราซาวด์, ทำซีทีสแกน และทำ MRI ยังคงรักษาตัวตามนัดต่อไปได้
3.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ ที่มีนัดติดตามอาการให้ไปรับการรักษาตัวต่อที่ ไปรักษาที่คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรม และศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ผู้ป่วยสามารถติดต่อที่หน่วยบริการได้เอง หรือ โทร.มาที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เพื่อประสานการรักษาต่อได้
4.ผู้ป่วยเอชไอวี และวัณโรคที่ต้องรับยาต่อเนื่อง ให้ไปรับการรักษาตัวต่อได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง หรือโรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน
5.ผู้ป่วยที่ต้องรับการฟอกไต หรือมีนัดผ่าตัดหัวใจ ทำบอลลูนหัวใจ หรือใส่สายสวนหัวใจ ยังคงรับการรักษาที่ 9 รพ. เดิมได้ตามปกติ
สำหรับผู้ที่ยังไม่ป่วยหรือไม่ใช่ผู้ป่วยรักษาต่อเนื่อง แต่ได้สิทธิรับรักษาใน รพ. 9 แห่ง สามารถเลือกหน่วยบริการใหม่ได้ โดยเข้าไปลงทะเบียนในเว็ปไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/hospital
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 หรือไลน์ สปสช. @nhso คลิก https://lin.ee/zzn3pU6
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ tnews.co.th