สาวหลับลึกหลังกินยา ตื่นมาตกใจมดไต่เต็มต้นขา ก่อนแพทย์เฉลยแบบนี้ปกติไหม

จากกรณีหญิงสาวชาวไต้หวันรายหนึ่ง ที่เธอนั้นปวดท้องขณะที่เป็นประจำเดือนและได้กินยาแก้ปวดประจำเดือนก่อนหลับไป ซึ่งเธอได้ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์ชวนขนลุก ผ่านทางชุมชนออนไลน์ Dcard เผยว่า วันหนึ่งในขณะที่เธอมีประจำเดือน เธอกินยาแก้ปวดและนอนหลับไปบนโซฟา จนกระทั่งตื่นมาเข้าห้องน้ำก็พบว่าส่วนล่างของตัวเองกลายเป็น "รังมด" 

 

โดยเธอเล่าว่า ปกติแล้วเธอทำความสะอาดบ้านทุกวัน จึงแทบไม่เห็นร่องรอยของมดเลย แต่ก็มีให้เห็นบ้างเป็นระยะในช่วงฤดูร้อน แต่เธอก็ใช้ยากำจัดมด รวมทั้งยังทำความสะอาดพื้นและโซฟาทุกวันด้วย จนกระทั่งวันเกิดเหตุ อยู่ๆ ก็มีมดจำนวนมากไต่อยู่เต็มบริเวณท่อนล่างของร่างกาย เธอทั้งตกใจและกลัวมาก

 

"ตอนแรกฉันก็ยังงง ๆ เห็นมีมดตรงที่นั่งชักโครก แต่ต่อมาเพิ่งรู้ตัวว่า มีมดไต่อยู่เต็มบริเวณบนโคนต้นขาของฉัน และที่ผ้าอนามัย ฉันจึงรีบวิ่งไปล้างออกอย่างไว" เธอเล่าอย่างตื่นเต้น 

 

• สาวดูรูปถ่ายสามี 15 ปีก่อน เจอเด็กหญิงหน้าคุ้นๆ ก่อนซูมดูต้องตกใจ
• ลูกชายคาใจ เขียนเรียงความถามแม่ "บอกว่ามีลูก 2 คน" ทำไมผมถึงไม่มีขนลายสลิด
• สาวสุดเซ็ง พ่อเข้ารพ.แม่เลี้ยงอยู่บ้าน กลับมาเห็นสภาพแทบรับไม่ได้

โดยเธอนั้นเชื่อว่า เป็นเพราะยาแก้ปวด ทำให้เธอนอนหลับลึกกว่าปกติ และไม่รู้สึกตัวว่ามีมดมาไต่ที่ท่อนล่าง แต่เธอก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน ไม่คิดว่ามดจะกินประจำเดือนได้จริงๆ จึงไม่แน่ใจว่าควรจะต้องไปตรวจเช็กกับแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งภายหลังจากเรื่องราวของหญิงสาวถูกเผยแพร่ออกมา ก็ได้รับความสนใจและถูกแชร์ต่อกันไป กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง 

จากเรื่องราวของเธอ ทำให้มีหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็น มีทั้งส่วนที่ตกใจกลัว และบางคนก็แนะนำให้ไปตรวจที่แผนกสูตินรีเวชวิทยาเพื่อความปลอดภัย บ้างก็ระบุว่า มันน่ากลัวมาก... ฉันรู้สึกขนลุกจริงๆ บ้างก็ระบุว่า น่าจะต้องไปหาหมอ สุขภาพสำคัญที่สุด อย่างน้อย มันก็จะอุ่นใจกว่า

อย่างไรก็ตาม บนเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสถาบันไต้หวันอี เคยมีผู้เข้าไปตั้งกระทู้ถามว่า ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วจะมีมดขึ้นได้ไหม อยากรู้สาเหตุ ซึ่งทาง เสี่ยว ย่งซุน แพทย์จากโรงพยาบาลเมืองจีหลง ได้เข้าไปตอบว่า "ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วมีเลือดประจำเดือน สารคัดหลั่ง และเมแทบอไลต์ สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นแหล่งสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์สำหรับมด แต่ถ้าคุณกังวลจริง ๆ ขอแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ของคุณ"

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews