แจงแล้ว "ต้นสังกัด หัวหน้ารปภ." เหตุ ย่ำยีลูกบ้าน ลั่น จะโทษบริษัทก็ไม่ได้
บริษัทต้นสังกัดแจงแล้ว เหตุ หัวหน้ารปภ.ย่ำยีลูกบ้านคอนโด มีใบอนุญาต ทำงานไม่เคยมีปัญหา เป็นที่นิสัยส่วนตัว "จะโทษบริษัทก็ไม่ได้"
สืบเนื่องจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อ หัวหน้ารปภ.คอนโดย่ำยีลูกบ้านสาวก่อนหลบหนนีเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 ม.ค.256 5 ที่ผ่านมา อีกทั้ง นิติบุคคล ยังขัดขวางไม่ให้ตำรวจเข้าที่เกิดเหตุ และต่อมาพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. ในฐานะ โฆษก บช.น. เผยว่าจะมีการสืบเอาผิดกับบริษัทรปภ.ต้นสังกัดด้วยเนื่องจากไม่ตรวจสอบประวัติย้อนหลังกับผู้ที่มาสมัครเป็นพนักงาน
ซึ่งต่อมาบริษัทเอกชน ต้นสังกัดของหัวหน้า รปภ. คนดังกล่าว คือ นายมนตรี ใหญ่กระโทก ผู้ก่อเหตุย่ำยีลูกบ้านคอนโดได้ออกมาชี้แจง ถึงการเข้าทำงานของนายมนตรี
ตัวแทนจากบริษัทรปภ.ต้นสังกัดของ นายมนตรี ใหญ่กระโทก เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทางบริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้มีการติดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยตอนนี้ทางบริษัทได้ติดต่อไปยังผู้เสียหาย เพื่อเยียวยาตามความเหมาะสม โดยได้พูดคุยกันแล้วในเบื้องต้น แต่เขายังเสียใจอยู่ จึงยังพูดคุยอะไรมากไม่ได้
ส่วนในเรื่องการตรวจสอบประวัติต่างๆ ของ รปภ. ภายในบริษัทนั้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ ก็จะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากกองทะเบียนประวัติของตำรวจอีกครั้ง รวมถึงการตรวจสอบใบอนุญาต รปภ.7 ที่เป็นใบอนุญาตการทำงาน เนื่องจากนายมนตรี ได้มาสมัครงาน ก็ได้นำมาด้วย แต่หลังเกิดเหตุนี้ขึ้น ก็ยอมรับว่า ช็อกและเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ทางบริษัทไม่นิ่งนอนใจ แต่ขอฝากถึงเรื่องความไว้วางใจต่อบริษัท ซึ่งได้เล็งเห็นว่า บุคคลที่ส่งไปทำงานนั้น เราได้ตรวจสอบแล้ว แต่บางครั้งมันเกิดจากการที่เขาเป็นมาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมของเขาเอง จะโทษบริษัทก็ไม่ได้
จากที่ทราบเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่รับรู้เลยว่า จะมีพฤติกรรมแบบนี้ เนื่องจากนายมนตรีสามารถอยู่กับเพื่อนร่วมงานได้ดี ไม่มีปัญหากับใคร เขาสามารถทำงานได้ตลอด จึงสามารถขึ้นเป็นหัวหน้า รปภ.ได้ โดยส่งมาทำที่นี่ ไม่เคยมีปัญหาอะไร
ส่วนประเด็นที่ รปภ.ป้อมหน้า ไม่อนุญาตให้ญาติผู้เสียหายขึ้นตึกนั้น หากบอกว่าไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ใช่ เพราะตามระเบียบปฏิบัติแล้วการที่บุคคลภายนอกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือใครที่จะเข้ามาในยามวิกาล รปภ.ป้อมหน้า ต้องประสานหัวหน้าชุดยาม และช่างก่อน
อีกทั้งการจะขึ้นอาคารต้องใช้คีย์การ์ด ตามมาตรฐาน และ รปภ.ของเราก็ถูกทำร้ายร่างกาย โดยถูกตบใบหน้า ซึ่งตอนนั้นรปภ.หน้าป้อมต้องประสานนายมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดก่อน และยังไม่มีใครทราบว่า นายมนตรีเป็นคนก่อเหตุเอง ไม่ใช่ว่า รปภ.ของเรา ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด