หมอเล่านาทีบีบคั้น "ผ่าตัดคนไข้โควิด" กระเพาะทะลุ เล่าละเอียดเห็นภาพ!
หมอเล่านาทีฉุกเฉิน ผ่าตัดคนไข้โควิด "กระเพาะทะลุ" เล่าละเอียดเห็นภาพ พร้อมฝากทิ้งท้าย ให้รีบไปฉีดวัคซีนกัน
จากกรณี นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เล่าภารกิจฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 17 พ.ย.64 ที่ผ่านมาบนเฟซบุ๊ก โดย ผู้ป่วยโควิดต้องผ่าตัดด่วนเนื่องจากกระเพาะทะลุ ซึ่งการผ่าตัดผู้ป่วยโควิด ครั้งนี้เป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์อย่างมาก
โดยทาง ทีมแพทย์ผ่าตัดเปิดช่องท้อง ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลางดึก เนื่องจากกะเพาะอาหารทะลุ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ เป็นผู้ป่วยอีกรายในยุคโควิด-19 ที่ทีมแพทย์ได้ช่วยชีวิตไว้ จนพ้นขีดอันตราย
ซึ่งผู้ป่วยชายอายุ 57 ปี ติดโควิด เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีอาการปอดบวมร่วมด้วย ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่วันแรก ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ ใช้เครื่องให้ออกซิเจนแรงดันสูง หลังรักษาในโรงพยาบาล เป็นวันที่ 6 เริ่มมีอาการปวดท้องมาก ท้องโตขึ้น ท้องแข็ง กดเจ็บยอดอก คลื่นไส้ อาเจียน หนาวๆร้อนๆ อ่อนเพลียมาก กินไม่ได้ ชีพจรเต้นเร็ว หายใจเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ต้องนอนหัวสูง แพทย์ตรวจดูอาการแล้วเอกซเรย์ซ้ำ สงสัยอาจมีลำไส้ทะลุ จึงประสานส่งตัวมาโรงพยาบาลสิชล
ภายหลังเตรียมความพร้อมผู้ป่วย ส่งมาถึงโรงพยาบาลสิชลประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ส่งเข้าห้องผ่าตัดทันที ทีมศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์ และพยาบาล ขึ้นมารออยู่พร้อมแล้ว นำผู้ป่วยใส่แคปซูลเข้าห้องผ่าตัด ทีมเริ่มแต่งตัวใส่ชุดป้องกัน ใช้เครื่องเติมอากาศ เพราะประเมินว่าอาจต้องใช้เวลานาน กว่าหนึ่งชั่วโมง ในการผ่าตัด
เมื่อทุกอย่างพร้อม วางยาสลบ สัญญาณชีพผู้ป่วยคงที่ วิสัญญีแพทย์ และอายุรแพทย์ ส่งสัญญาณให้ลงมีดได้ เริ่มลงมีดประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง เมื่อเปิดท้อง พบว่ามีน้ำเหลืองจากการอักเสบเต็มช่องท้อง ดูดน้ำเหลืองออก ค้นหารูรั่วที่ทางเดินอาหาร พบรูรั่วขนาด 1 เซนติเมตร(ตามภาพ)ที่กะเพาะอาหาร เมื่อตรวจทุกจุดแล้ว ไม่มีผิดปกติเพิ่ม จึงเย็บซ่อมปิดรูรั่ว ทำความสะอาดทั่วๆท้อง เสร็จเย็บปิดหน้าท้องประมาณตี 1 ย้ายผู้ป่วยเข้าห้องพักฟื้นแรงดันลบตอนตี 3 ส่งให้อีกทีมดูแลต่อหลังผ่าตัด
ทีมผ่าตัดได้กลับไปพักงีบ ตอนตี 4 เช้ามา 8.00น. ต้องเตรียมตัวมาผ่าตัดผู้ป่วยกันต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกครั้งที่มีเคสแบบนี้เหนื่อยล้าพอสมควร แต่ดีใจที่ผู้ป่วยปลอดภัย
สุดท้ายนี้ฝากให้รีบไปฉีดวัคซีนกันนะครับ
ขอบคุณ Arak Wongworachat
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews