เรียกได้ว่าเป็นประเด็นข่าวที่ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง กับข่าวที่น้องก้อง เด็กนักเรียน ม.2 ซื้อโทรศัพท์มือถือผ่านร้านในอินสตาแกรม แต่เมื่อโอนเงินไปแล้วคนขายกลับเงียบหาย ทำให้น้องเกิดความเครียดเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต
ต่อมา น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ Phonebymint ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ด้านทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้โพสต์การวิเคาระห์ลงในเพจ ทนยคู่ใจ ว่า วิเคราะห์ 5 ข้อต่อสู้คดีโกงไอโฟนของ "พิยดากับคำให้การปฏิเสธ"
จากกรณีที่นักเรียนสั่งซื้อไอโฟนแล้วโดนโกง จนเส้นเลือดแตก เสียชีวิต ล่าสุดผู้ที่คาดว่าเป็นตัวการใหญ่ ได้เข้ามามอบตัวกับ ตร. แต่เบื้องต้นให้การปฏิเสธ
เรามาวิเคราะห์กันหน่อยดีกว่าว่า สาเหตุที่นางให้การปฏิเสธ มีจุดประสงค์ หรือเหตุผลอย่างไรกันแน่
1.ปฏิเสธไปก่อนทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา เป็นสิทธิผู้ต้องหา หรือจำเลยอยู่แล้วที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา หากพยานหลักฐานไม่ได้จะแจ้ง หรือจำนนต่อหลักฐาน ก็เป็นเทคนิคการต่อสู้คดี
2.อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่รู้จักกับผู้เสียหายเลย เป็นการปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้อง
3.ไม่ได้จ้างใครเปิดบัญชี ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับเจ้าของบัญชีเลย จุดประสงค์คือลองเชิงตำรวจว่าจะสืบถึงความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินได้หรือไม่
4.ไม่ได้โกงใครเลย เลิกขายไปแล้ว ประเด็นนี้ให้การว่าไม่ได้รับเงินมาเลย ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์กับทางผู้เสียหายเลยเหมือนกัน
5.ผิดสัญญาทางแพ่ง ท่าไม้ตายในกรณีที่สืบเจอเส้นทางการเงิน อาจหงายไพ่ว่า เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง รับเงินมาจริง แต่เป็นเรื่องที่ส่งมอบของล่าช้า ท้ายสุดก็ให้ศาลตัดสินเอา
เหล่านี้เป็นข้อต่อสู้ที่เป็นมาตรฐานของเหล่ามิจฉาชีพคดีฉ้อโกง ตราบใดที่ไม่มีการจับกุม หรือการทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะมีมิจฉาชีพหัวหมอพวกนี้ออกมาอาละวาดครับ
***อย่าลืมว่าโจรมันรู้กฎหมาย ยิ่งกว่าสุจริตชนเสียอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews