นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามที่นายจำรัส หอมชิต อดีตผู้ต้องขังเรือนจำกลางชลบุรี เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริต และกระทรวงยุติธรรม กรณีในครั้งที่นายจำรัสฯ ต้องโทษคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางชลบุรี และถูกนายสรวัชร์ ม่วงทอง เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางชลบุรี เรียกรับเงินเพื่อแลกกับประโยชน์จากการเลื่อนชั้นโดยมิชอบ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และได้นำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกรมราชทัณฑ์ หรือ อ.ก.พ. กรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณา ที่ประชุมฯ มีมติให้ไล่ออก ผู้คุมเรือนจำ นายสรวัชร์ฯ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุม อ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์ ยังได้พิจารณาลงโทษข้าราชการที่ผิดวินัย มีพฤติการณ์ที่เสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยมีมติลงโทษเจ้าหน้าที่ไล่ออก และปลดออก รวมทั้งสิ้น 10 ราย จาก 11 กรณี ได้แก่ การทุจริตต่อหน้าที่ จำนวน 1 กรณี การเรียกประโยชน์จากผู้ต้องขัง หรือญาติ จำนวน 2 กรณี การลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามหรือไม่อนุญาตเข้าเรือนจำ จำนวน 2 กรณี การขาดราชการ เกิน 15 วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร จำนวน 2 กรณี และการปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จำนวน 4 กรณี
นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการในสังกัดยึดถือปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด แต่ที่ผ่านมายังปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตนจึงได้มีหนังสือสั่งการผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน สถานกักขัง สถานกักกัน แจ้งแนวทางการดำเนินการทางวินัยกรณีให้ออกจากราชการไว้ก่อน หากเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงที่เข้าข่าย 8 กรณีที่กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดไว้ จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรมราชทัณฑ์จะพิจารณาให้ผู้เกี่ยวข้องออกจากราชการไว้ก่อน และพิจารณาโทษสถานหนักต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่น ๆ ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews