ตำรวจภูธรภาค3 ชี้แจง หลังมีข่าวรถตู้ตำรวจ เหมือนพาครอบครัวมาเที่ยว

21 กันยายน 2564
3

จากกรณีมีข่าวออกมาว่า พบเห็นรถตู้ตำรวจ จอดแถวชายหาด เหมือนพาครอบครัวมาเที่ยว ด้านตำรวจภูธรภาค3 ได้ออกมาชี้แจง

จากรณีที่เพจดังในเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 ได้โพสต์เรื่องราว คลิปรถตู้ตำรวจ สภ.พลกรัง นครราชสีมา ได้ขับมาจอดที่บริเวณชายหาดชะอำ เเละก็มีกลุ่มคน7-8คน ลงมาจากรถตู้ เหมือนจะไปเที่ยวทะเล ทำให้มีชาวเน็ตออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก ล่าสุด ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ออกมาชี้แจงแล้ว

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

รถตู้หลวงมาส่งคนที่หาดชะอำ ส่วนตัวหรือไม่ หรือมาราชการแล้วติดรถมา รถต้องจอดที่ไหน หรือมาสัมนาแถวนั้น รถเลยจอดที่ชายหาด ฝากตรวจสอบด้วยเพื่อให้เกิดภาพที่ดีต่อองค์กร สมช.เพจ พบเห็นจึงเกิดคำถามเพื่อให้มีการตรวจสอบ หาดชะอำครับ มีกลุ่ม​ตำรวจใช้รถทางราชการพาครอบครัวมาเที่ยวครับ เวลา11:30 เมื่อวันที่17-9-64

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

แต่ตอนนี้เขาจอดหราริมหาดเลยครับ รถของ สภ.พลกรัง นครราชสีมา ผู้หญิง 4-5 คนที่เหลือเป็นตำรวจกับญาติพี่น้อง​ทั้งนั้นเลยครับ  สภ.พลกรัง จ.นครราชสีมา นำกลุ่มชายหญิง 7-8 คน แต่งตั้งชุดลำลอง คล้ายมาท่องเที่ยว บางคนสะพายกีต้าร์ จอดที่ริมหาดชะอำ จ.เพชรบุรี จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยทาง พล.ต.ท.ภาณุุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 ได้สั่งให้มีการตรวจสอบ 

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2ก.ย.64  กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 54 เวลาประมาณ 06.30 น. เกิดเหตุอุกฉกรรจ์มีการยิงกันเสียชีวิตที่ร้านอาหาร ลานตะวัน กลางเมืองนครราชสีมาต่อมาทราบว่า นายไสว ขันผักแว่น อดีตนายก อบต.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนยิงนางวนิดา เสตะปุตตะ อดีตสมาชิกอบจ. เขต 5 จว.นครราชสีมา ภรรยาและนายเจษฎา เสตะปุตตะ อดีตเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน อบต.บ้านเกาะ บุตรชาย เสียชีวิตรวม 2 ศพ แล้วหลบหนี ศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับที่ 134/2554 ไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ ภ.จว.นครราชสีมา ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวนายไสวฯ มาโดยตลอด

 

อ่านเพิ่มเติม :

- โฆษกตำรวจภูธรภาค 6 ยัน "ใบเตย พรพจี" แค่คบ "ผู้กำกับโจ้" เป็นเพื่อนสนิท  
- ตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.หญิง ไม่ได้เสียชีวิตจากวัคซีน

คดีนี้ผ่านไป 10 ปี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 64 นายไสว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้โทรติดต่อหา พ.ต.ท.พรเทพ ตำรวจของ ภ.จว.นครราชสีมา ทางแอปพลิเคชันไลน์ แจ้งว่าขณะนี้พักอาศัยและทำงานอยู่ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี กำลังมีปัญหากับญาติของตนเองอยากให้ พ.ต.ท.พรเทพ มารับเพื่อจะย้ายที่พักอาศัยโดยขอให้ไปส่งที่ จว.ปทุมธานี

และขอให้ พ.ต.ท.พรเทพฯ ใช้รถยนต์ตู้ตำรวจมารับเพื่อไม่ให้ถูกสงสัยในระหว่างเดินทาง หากพบเจอด่านตรวจ และภายในรถขอให้มี พ.ต.ท.พรเทพ คนเดียว นอกจากนั้นขอให้เป็นชาวบ้านทั่วไป เพราะให้ดูเหมือนมาท่องเที่ยว ประกอบกับคลางแคลงใจว่าอาจจะถูก พ.ต.ท. พรเทพ ตลบหลังจับกุมได้ “เมื่อ พ.ต.ท.พรเทพ ทราบจึงได้แจ้งให้ พ.ต.อ.ทรงวุฒิ ไสยบุญ ผกก.สภ.พลกรัง เพื่อทราบและทำหนังสือขออนุมัติใช้รถยนต์ตู้เพื่อใช้เดินทางไปจับกุมตัวนายไสว ในครั้งนี้

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.พรเทพ ก็ได้ประสานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนของตำรวจภูธร ภ.8 พร้อมให้ข้อมูลของนายไสว ทั้งหมดไว้ด้วยและหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.8 สามารถจับกุมได้ก่อนที่ พ.ต.ท.พรเทพ จะเดินทางถึงก็ให้จับกุมได้ทันทีไม่ต้องรอกัน

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

ต่อมาวันที่ 15 ก.ย. 64 พ.ต.ท.พรเทพ พร้อมอาสาสมัครพลเรือนใช้รถยนต์ตู้ของ สภ. พลกรัง หมายเลขทะเบียน ฮษ 8452 กรุงเทพมหานคร เดินทางไป จ.สุราษฏร์ธานี จนกระทั่งวันที่ 16 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 12.00 น. ถึงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.8 ว่า สามารถจับกุมตัวนายไสวได้แล้ว พ.ต.ท.พรเทพ จึงได้แจ้งให้ตำรวจสืบสวน ภ.3 ทราบเพื่อให้เดินทางไปรับตัวนายไสว

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

เมื่อประสานต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ.ต.ท.พรเทพ จึงเดินทางออกจาก จว.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อกลับ จ.นครราชสีมา จนกระทั่งวันที่ 17 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 11.00 น. ระหว่างเดินทางกลับ พ.ต.ท.พรเทพฯ และอาสาสมัครพลเรือนจึงแวะทานอาหารกลางวันกันที่หาดชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งก็ปรากฏตามวีดีโอที่มีผู้ถ่ายและโพสต์ลงโซเชี่ยล

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

การชี้แจงข้างต้นยืนยันว่า เป็นการใช้รถยนต์ตู้ของ สภ.พลกรัง เพื่องานของทางราชการโดยมิได้ใช้เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด มีเอกสารหลักฐานประกอบการชี้แจงทั้งหมด เช่น เอกสารการขออนุมัติใช้รถยนต์ตู้เพื่อไปสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับและเอกสารการสื่อสารต่างๆ ระหว่าง พ.ต.ท.พรเทพฯ กับนายไสว ผู้ต้องหา และ พ.ต.ท.พรเทพฯ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.8 ก่อน-ขณะ-หลังจับตัวนายไสวฯ ผู้ต้องหา

ตำรวจภูธรภาค 3 ชี้แจง

ชมคลิป
 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews