นักวิชาการ เตือน ก.ย.-ต.ค. รับมือฝนถล่มหนัก หลัง "ลานีญา" เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

16 กันยายน 2564
43

ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร เตือน ก.ย.-ต.ค. รับมือฝนถล่มหนัก หลัง "ลานีญา" เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #อัพเดทน้ำท่วมน้ำแล้ง (16 ก.ย.64) “ลานีญา” เร่งกำลังเพิ่มขึ้นอีก! เตรียมรับมือปริมาณฝนเพิ่ม ก.ย.-ต.ค. 64 โดย ต.ค. ฝนปรับเพิ่มขึ้นอีก เกือบทุกพื้นที่ (ยกเว้นใต้ตอนล่าง) กทม. กลาง อีสาน และตะวันออก ต้องระวังให้มาก! ภาคเหนืออุณหภูมิจะสูงกว่าปกติช่วง ต.ค.64 - มี.ค.65 ฝุ่นพิษ PM 2.5 อาจกลับมาสร้างปัญหาเพิ่ม 

ลานีญา เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

ทาง International Research Institute for Climate Society (IRI) มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา (ภาพที่ 2) ได้พยากรณ์ผลเพิ่มเติมจากเมื่อต้นเดือน ส.ค. โดย ผลพยากรณ์บ่งชี้ว่า “เฟสกลาง” (ENSO-Neutral) จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะ แต่ความน่าจะเป็นของการเกิดปรากฏการณ์ “ลานีญา” ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่พยากรณ์ไว้ใน ส.ค. 64 โอกาสจะเกิดลานีญา อยู่ที่ 70-80% ในช่วง ก.ย.64-ก.พ.65 (ภาพที่ 2 ซ้าย) โดยลานีญาจะเพิ่มกำลังขึ้นจากเดิม บ่งชี้ว่าฝนจะเร่งตัวมากขึ้นจากนี้จนถึง ต.ค. 64 ต้องระวังกันให้มาก (ภาพที่ 2 ขวา)

ลานีญา เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

ส่วนภาพที่ 3 บ่งชี้ว่าปริมาณฝนช่วง ต.ค. 64 จะมากกว่าที่เคยพยากรณ์ไว้ในเดือนที่ผ่านมาจากลานีญาที่เร่งตัวเพิ่มขึ้น อีสาน กลาง และตะวันออก ต้องระวังให้มาก เขื่อนหลักภาคเหนือยังมีลุ้นได้น้ำเพิ่ม หลัง ต.ค. ฝนจะเริ่มลดลง ช่วง ม.ค.-มี.ค. 65 ภาคกลางและเหนือตอนล่างเตรียมรับมือฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ

ลานีญา เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

สำหรับอุณหภูมิ (ภาพที่ 4) ภาคเหนือตอนบนอากาศจะร้อนกว่าค่าเฉลี่ยปกติลากยาวตั้งแต่ ต.ค.64 - มี.ค.65 บ่งชี้ว่าปีนี้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 น่าจะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมาเพราะไม่มีฝนช่วย อากาศหนาวเย็นกว่าปกติน่าจะไม่เกิดขึ้นแล้ว เปลี่ยนแปลงจากการพยากรณ์ก่อนหน้า   ติดตามการพยากรณ์อย่างใกล้ชิดกันต่อไป โดยเฉพาะน้ำท่วม อาจทำให้ผลผลิตเสียหายและมีการระบาดเพิ่มของโควิด-19 รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ #ClimateChange #Flood #Drought #NewNormal #COVID19

ลานีญา เร่งกำลังเพิ่มขึ้น

ขอบคุณ Witsanu Attavanich

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews