วันที่ 15 ก.ย. 64 ผู่สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.6 และฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพสธร จิระวัฒนโภคิน หรือ นายธนกฤต เวโรจนนันท์ อายุ 30 ปี ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.457/2564 ลงวันวันที่ 14 ก.ย.64 กระทำความผิดฐาน "ใชับัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกเงินสด, ข่มขืนกระทำชำเรา, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน" โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมฟุตปาธทางเดินเท้า ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ว่า เมื่อประมาณวันที่ 6 ก.ย.64 ผู้เสียหายได้รู้จักกับนายธนกฤต เวโรจนนันท์ หรือนายพสธร จิรวัฒนโภคิน ผู้ต้องหา ผ่านแอปพลิเคชัน “CMB” (Coffee Meets Bagel) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาคู่เดทที่นิยมในปัจจุบัน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มีฐานะทางการเงินดี เนื่องจากมีโปรไฟล์ดูน่าเชื่อถือ รวมถึงลงภาพกิจกรรมดื่มไวน์ รับประทานอาหาร และพักอาศัยโรงแรมหรูเป็นประจำ ผู้เสียหายจึงได้หลงเชื่อ
ต่อมาวันที่ 10 ก.ย.64 มีการนัดเจอกันโดยผู้ต้องหาขับรถยนต์ซุปเปอร์คาร์มารับผู้เสียหายเพื่อไปรับประทานอาหาร และได้นำไวน์ไปดื่มกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้น ผู้เสียหายมีอาการมึนเมา จดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากไปรับประทานอาหารไม่ได้ กระทั่งวันที่ 11 ก.ย.64 ผู้เสียหายพบว่าตนเองตื่นมาอยู่ภายในห้องพักของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งพื้นที่ สน.ยานนาวา ด้วยกันกับผู้ต้องหา และพบว่าเสื้อผ้าชุดชั้นในของตนเองถูกถอดออก
หลังเกิดเหตุ น.ส.เอ ได้รีบเดินทางกลับมายังที่พัก และตรวจสอบร่างกายตนเองโดยละเอียด พบว่าถูกกระทำชำเรา อีกทั้งยังตรวจพบเงินในบัญชีธนาคารถูกโอนออกไปเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท บัตรเครดิตถูกนำไปใช้ชำระค่าที่พักเป็นจำนวนเงินประมาณ 18,000 บาท และนาฬิกาข้อมือจำนวน 1 เรือนสูญหายไป จึงได้สอบถามไปยังผู้ต้องหาเกี่ยวกับเงินที่หายไป ผู้ต้องหาบ่ายเบี่ยง และไม่รับว่าเป็นผู้โอนหรือผู้รับโอนเงินจำนวนดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าถูกลักทรัพย์และกระทำชำเรา จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี
ต่อมาภายหลัง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.น. รับรายงาน ได้กำชับให้ ผบก.น.6 และฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา รวบรวมพยานหลักฐานโดยเร็ว เนื่องจากผู้ต้องหาอาจจะไปกระทำความผิดลักษณะนี้กับบุคคลอื่นอีก จนฝ่ายสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดของผู้ต้องหา และได้ขอศาลอนุมัติหมายจับดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมชอบดื่มไวน์ราคาแพง กินอาหารและพักโรงแรมหรู และเช่ารถซุปเปอร์คาร์มาขับขี่อยู่เป็นประจำ เพื่อทำให้ตนเองดูมีฐานะ มีหน้าตาและน่าเชื่อถือทางสังคม เคยก่อเหตุฉ้อโกงค่าอาหารตามห้องอาหารในโรงแรมในพื้นที่ สน.ลุมพินี, สน.ปทุมวัน และ สน.บางรัก หลายคดี อีกทั้งมีพฤติกรรมแอบอ้างว่ารู้จักข้าราชการระดับสูง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง
ทาง บช.น. ขอประชาสัมพันธ์ หากผู้ใดเคยถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถติดต่อมายัง สน.ยานนาวา เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ และขอแจ้งเตือนประชาชนให้ใช้ความระมัดระวัง ในการใช้แอปพลิเคชันหรือสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ โดยเฉพาะการนัดพบบุคคล ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนผ่านทางแอปพลิเคชัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวท่านเอง