จับได้แล้ว นักโทษแหกเรือนจำคลองด่าน สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้มีสองนักโทษที่ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ ได้หลบหนีการควบคุมออกจากโรงนอนซึ่งเป็นศูนย์พักคอยตู้คอนเทรนเนอร์ ซึ่งทางกล้องวงจรปิดภายในเรือนนอนสามารถบันทึกพฤติกรรมของสองผู้ต้องหาที่หลบหนีเอาไว้ได้อย่างชัดเจน กระทั่งทราบชื่อต่อมาว่าคือ นายวรุน ตันเจริญ อายุ 30 ปี และ นายฉัตรชัย หรือแชมป์ สงพรมทิพย์ อายุ 34 ปี

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ก่อนหน้านี้ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า ตามจับกุมตัวเอาไว้ได้เพียง 1 ราย ชื่อนายวรุณ ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 71 ถ.สุขุมวิท หมู่ที่ 7 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่วนนายฉัตรชัย ยังไม่ทราบทิศทางในการหลบหนี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เรือนจำและตำรวจ สภ.คลองด่าน ได้ระดมกำลังออกค้นหาแต่ยังไร้วี่แวว 

ล่าสุดมีรายงานแน่ชัดแล้วว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนักนักโทษมุดช่องหนีเรือนจำคลองด่าน ได้อีกหนึ่งคนแล้ว ซึ่งก็คือ นายฉัตรชัย หรือแชมป์ อายุ 34 ปี ที่ได้หลบหนีไปยังบ้านเกิด ก่อนจะให้การอ้างว่า คิดถึงแม่และเป็นห่วงแม่มาก จึงได้ตัดสินใจทำแผนการหลบหนีดังกล่าว 

ด้าน นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผบ.เรือนจำกลางสมุทรปราการได้ให้ข้อมูลว่า นักโทษชายรายนี้ได้อาศัยจังหวะช่วงที่ฝนตกหนักและลมพัดแรงจนทำให้กลอนล็อกประตูช่องส่งอาหารที่ตู้คอนเทนเนอร์ศูนย์พักคอยนักโทษ มีการขยับตัวจนกลอนหลุดจึงเป็นโอกาสที่ทำให้นักโทษชายคนดังกล่าวอาศัยจังหวะนั้นมุดรอดช่องส่งอาหารดังกล่าวออกมาหลบหนี

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

โดยหลังจากที่ตนเองทราบเรื่องได้สั่งการระดมกำลังกันออกค้นหาจนไปพบข้อมูลว่านักโทษชายรายนี้ได้ไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่เทศบาลคลองด่านที่จอดรถไว้ด้านหลังเทศบาลเพื่อใช้ในการหลบหนี จากนั้นจึงใช้เทคโนโลยีในการติดตามหาเบาะแสของนักโทษรายนี้ จนทราบว่ามีการหลบหนีไปหาเพื่อนในจังหวัดราชบุรีและมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จึงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด 

โดยมีอดีตนักโทษชายในเรือนจำราชบุรีรายหนึ่งได้บอกแหล่งกบดานที่หน้าเชื่อว่านายแชมป์จะไปหลบซ่อนตัว  จนล่าสุดวันนี้ช่วงบ่ายขอวันที่ 11 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาอดีตนักโทษชายเพื่อนของนายแชมป์ได้พบเจอนายแชมป์ในละแวกที่จับกุมตัวจึงนำกำลังเข้าพื้นที่กระจายกำลังปิดล้อมจนพบตัวซึ่งสามารถเข้าจับกมุตัวได้พร้อมกับของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุมา

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews