ซินแสเข่ง ผ่าดวง 2 พส. เจอปีชงปะทะ ความคิดสวนทางตกเหตุขัดแย้งเป็นศัตรู

12 กันยายน 2564
74

ซินแสเข่ง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ผ่าดวง 2 พส. เจอปีชงปะทะ ความคิดสวนทางตกเหตุขัดแย้งเป็นศัตรู ทำดีกลับเป็นผลร้าย

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 ซินแสเข่ง อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์เจาะลึกผ่าดวงของ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต แห่งวัดสร้อยทอง 2 พระนักเทศน์ชื่อดัง ถึงดวงชะตาปีปะทะ โดยระบุว่า ทำดีไม่ขึ้นกระแสตีกลับว่าสมควรหรือไม่ คนดูวิจารณ์หนัก ว่าผิดหรือถูก กับพระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง รอบปีที่ผ่านมา 2563 และ 2564 ตกดวงชะตาขัดแย้ง ทำอะไรก็สับสน กลายเป็นสร้างศัตรู สร้างความไม่ไว้วางใจ แตกแยกวุ่นวาย ด้วยกันทั้งคู่ ปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในช่วงระหว่างมรสุมชีวิต ตั้งใจทำดีแต่เป็นผลเสียตอบกลับ โรมรัน สาดซัดไม่สมหวัง ให้ร้ายป้ายสี ไม่หวังดี 

ซินแสเข่ง ผ่าดวง 2 พส.

พระสมปอง ในดวงเกิด 3 พฤศจิกายน 2521 อายุ 42/43 ปี ชะตานั้นเข้าเคราะห์ ปีให้ร้าย มีความเป็นพระอยู่ในตัว กล้าได้กล้าเสีย ดื้อรั้นอยากรู้ อยากเห็น เอาความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง มีชีวิตที่ต้องเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง เป็นคนที่ทะเยอทะยานไม่นิ่งอยู่กับที่ สองปีนี้ท่านก็ขอให้ใจเย็น หลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ผ่านปีนี้ไปแล้วท่านก็จะดีกว่า ทำอะไรเหมือนทำร้ายตนเอง เพราะยังไงในดวงชะตาท่านก็เป็นพระตลอดชีวิต

ซินแสเข่ง ผ่าดวง 2 พส.

ส่วนดวงชะตาของ ท่านมหาไพรวัลย์ วรวัลโณ เกิดปี 2534 อายุ 30 / 31 ปี ได้บวชเป็นพระ และใช้เส้นทางนี้ได้ศึกษาพระธรรมจนมีตำแหน่งเป็น ท่านมหาด้วยวัยแค่ 30 เท่านั้น ถือว่าเป็นวาสนา และมีชื่อเสียงในการวิจารณ์วิพากษ์วิจารณ์การเมือง เรื่องต่างๆ ทางรายการทีวี จนติดอันดับพระดัง ลักษณะโหงวเฮ้งและปีเกิด ท่านเป็นบุคคลที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีเสน่ห์ในการใช้เสียงเป็นสื่อ สามารถโน้มน้าวให้คนอื่นคล้อยตามได้ ในเวลาที่พูดเทศน์ บุคลิคอารมณ์ เรียนรู้อะไรเร็วกล้าแสดงออก มีดวงตาที่บ่งบอกเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย

ซินแสเข่ง ผ่าดวง 2 พส.

ในช่วงรอบปีนี้และปีที่ผ่านมาเป็นช่วงจังหวะที่มีผลให้ร้ายต่อดวงชะตา ตกดวงขัดแย้งที่ควรหลีกเลี่ยง ที่จะก่อให้เกิดความเป็นศัตรูให้กับตนเอง สร้างความสับสนเป็นมรสุม ชีวิตท่านจะเปลี่ยนแปลงได้ใน ปี 2566 ปีเสริมดวงชะตาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews