คืบหน้า น้องจีน่า หายตัวปริศนาพ่อเล่าคำพูดเพื่อนบ้านเห็นเป็นคนสุดท้าย

06 กันยายน 2564
1

คืบหน้า น้องจีน่า 1 ขวบหายตัวปริศนาพ่อเล่าคำพูดเพื่อนบ้านเห็นเป็นคนสุดท้ายว่าน้องเดินอยู่บนถนน แม่เผยยอมแลกกับอะไรก็ได้ให้ลูกกลับมา

จากกรณีเจ้าหน้าที่ระดมกำลังตามหาน้องจีน่า วัย 1 ขวบกว่าๆที่หายตัวปริศนาในช่วงค่ำของวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ล่าสุดพ่อเล่านาทีเพื่อนบ้านให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเห็นน้องเดินอยู่บนถนนห่างจากบ้าน ด้านแม่บอกยอมแลกกับอะไรก็ได้ขอให้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย 

ความคืบหน้ากรณีด.ญ.พรศิริ วงศิลารุ่ง หรือ น้องจีน่า อายุ 1 ขวบ 8 เดือน หายตัวไปในช่วงค่ำของวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา พ่อแม่จึงแจ้งขอความช่วยเหลือจาก สมาคมกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ เพื่อช่วยตามหาลูกสาว ซึ่งทางเพจได้ให้รายละเอียดว่า "แบ่งทีมลงพื้นที่ค้นหากรณี หนูน้อย 1 ขวบ หายออกจากบ้าน บ้านห้วยฝักดาบ ท้องที่อินทขิล แม่แตงเชียงใหม่" 

 

ตามหาน้องจีน่า

 

หลังจากได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวทางด้านเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าสนับสนุนกับทีมกู้ภัยและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บ้านห้วยฝักดาบ ม.16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในทันที แต่เบื้องต้นก็ยังไม่ทราบเบาะแสของ น้องจีน่า  

ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เชียงใหม่ ยังได้มีการจัดทีมวางกำลังในการออกค้นหาในทันที ทว่าหลังการออกตามหานานหลายชั่วโมงจนกระทั่งถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ก็ยังไม่พบเจอตัวหรือร่องรอยเบาะแสของ น้องจีน่า แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังคงมีการวางแผนการออกค้นหาในขั้นตอนต่อไป เพื่อจะได้ตามหา น้องจีน่า ให้เจอ

ล่าสุดพ่อน้องจีน่าเล่าว่าช่วงเวลาเกิดเหตุตนกำลังขี่จักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อนำขยะไปทิ้งที่บ่อขยะห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร โดยมี นางมาละ ปะสี อายุ 23 ปี ภรรยาทำกับข้าวอยู่ในครัว ส่วนน้องจีน่าเล่นกับแมวอยู่ เมื่อทำอาหารเสร็จแม่ได้เรียกหา น้องจีน่า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ออกจากบ้านมาดูไม่พบลูก จึงเดินตามหาในถนนหน้าบ้าน แต่ก็ไม่พบ ต่อมามีเพื่อนบ้านบอกว่าพบน้องจีน่าเดินอยู่บนถนนห่างจากบ้านประมาณ 10 เมตร ก่อนจะหายตัวไป จึงพากันออกตามหา

 

น้องจีน่าหายตัวลึกลับ

 

 ขณะขี่จักรยานยนต์ใกล้จะถึงบ้าน ตนสังเกตเห็นรถกระบะสีขาวคันหนึ่ง ด้านหลังบรรทุกรถจักรยานยนต์สองคัน และมีรถเก๋งสีเข้มขับตามสวนทางออกจากหมู่บ้าน แต่ตนไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าลูกหายตัวไปแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews