เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอุทาหรณ์เตือนภัย เมื่อล่าสุด นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เรื่องเล่าน่าหวาดเสียว ลงใน เฟซบุ๊ก Arak Wongworachat เกี่ยวกับการกินอาหารด้วยความระมัดระวัง หลังเจอเคสผู้ป่วยสูงอายุรายหนึ่ง ญาติพามาโรงพยาบาลด้วยความเร่งรีบ แจ้งเพียงว่าคนไข้เจ็บระบมในคอมาก น้ำลายฟูมปาก หายใจไม่ออก ไม่พูดไม่จา ดูสับสนไปหมด
โดยคุณหมอ ระบุว่า ผู้ป่วยสูงวัยอายุ 70 ปี ถูกเข็นเปลนอน เข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์เวรรีบสั่งให้เก็บตัวอย่างส่งตรวจโควิดแบบเร่งด่วนในทันที ในขณะเดียวกันได้สอบถามประวัติจากผู้ป่วยแทบไม่ได้คำตอบอะไรเลย เพราะผู้ป่วยดูสับสน เอามือจับลำคอตลอดเวลา แพทย์เวรพอจะเข้าใจได้ว่าน่าจะเจ็บคอหรือมีอะไรติดค้างในลำคอเป็นแน่ เมื่อผลตรวจโควิดออกมาเป็นลบ จึงเข้าไปส่องดูในคอไม่เห็นอะไร มีเพียงน้ำลายฟูมปาก สั่งเปิดเส้นให้สารน้ำ ประเมินสัญญานชีพ มีความดันสูงเล็กน้อย ชีพจรเร็ว ประเมินอาการปวด ให้ระดับ 10 เต็ม10 อยู่เฉยๆก็ปวด กลืนน้ำลายยิ่งปวดมาก ไม่ค่อยอยากพูดอะไร จึงสั่งให้งดน้ำอาหารทันที และส่งเข้าห้องเอกซเรย์ที่อยู่ติดกัน เอกซเรย์ที่ส่วนลำคอ และส่งภาพเอกซเรย์ผ่านไลน์ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก ที่อยู่ในห้องผ่าตัด จากภาพจะเห็นเงาขาวๆจางๆ 2 ชิ้น อยู่บริเวณลำคอ ระดับเดียวกับกระดูกคอที่ 6 จึงสงสัยว่าน่าจะมีสิ่งแปลกปลอมเป็นเศษกระดูกอะไรสักอย่างที่ผู้ป่วยกินเข้าไปแล้วติดในหลอดอาหาร ส่วนบน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูก จึงสั่งให้ฉีดยาแก้ปวดไปก่อน แล้วเตรียมประเมินความพร้อมของผู้ป่วย ส่งเข้าห้องผ่าตัดทันที เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ใช้เวลาเตรียมตัว ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เอกซเรย์ปอด เสร็จก็เข้าห้องผ่าตัด เมื่อไปถึงห้องผ่าตัดยาแก้ปวดเริ่มออกฤทธิ์ ผู้ป่วยเริ่มมีสติ อาการปวดลดลง พยาบาลซักประวัติเพิ่มเติม ได้ความว่า ระหว่างรับประทานอาหารที่บ้าน ขนมจีนน้ำยาที่ลูกซื้อมาให้จากตลาด น้ำแกงเข้มข้นมาก กินด้วยความเอร็ดอร่อย จนหมดจาน ขอเติมอีกลูกแล้วราดน้ำแกงแบบเต็มๆ ตักน้ำแกงซดลงไปเต็มช้อน แต่พอกลืนลงไปเท่านั้นแหละ เหมือนมีอะไรติดคอ ยิ่งกลืนก็ยิ่งปวด เอาข้าวปั้นเป็นก้อนกลืนลงไป ก็ยิ่งเหมือนมีอะไรแทงลึกเข้าไปอีก จนกลืนน้ำลายก็ไม่ได้ พูดไม่ออก จึงตะโกนตามญาติพามาโรงพยาบาลสิชล
เมื่อเข้าห้องผ่าตัดหมอดมยาสลบต้องใช้เทคนิคพิเศษในการใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยสำลักเศษอาหารเข้าหลอดลม เพราะเพิ่งกินอาหารมาไม่นาน หลังจัดท่าเสร็จ หมอหูคอจมูก จึงเริ่มผ่าตัดใช้กล้องส่องแบบพิเศษส่องไปทางปากเข้าไปในหลอดอาหาร และใช้เครื่องมือสอดผ่านกล้องที่สามารถผ่าตัดและคีบสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ลึกลงไปออกมาได้ พบชิ้นส่วนสิ่งแปลกปลอม 2 ชิ้น แทงติดกับหลอดอาหารลึกพอสมควร คีบออกมาได้หมด แล้วใช้น้ำล้างทำความสะอาดตรงตำแหน่งที่เป็นแผล
เมื่อเอาสิ่งแปลกปลอมที่คืบออกมามาต่อกัน ต้องตะลึงทีเดียว เพราะมันกลายเป็นก้ามปูดีๆนี่เอง จึงโอละพ่อ ขนมจีนน้ำยาปูเป็นเหตุ ใส่ก้ามปูไปด้วย อันตรายอย่างยิ่ง ความพร้อมของทีมแพทย์ พยาบาล และความพร้อมของเครื่องมือ ทำให้เราสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันท่วงที เป็นอีกรายที่ขอเตือนเป็นอุทาหรณ์พี่น้องประชาชน กินอาหารด้วยความระมัดระวัง ตอนนี้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นมาก แพทย์ยังให้งดอาหารและน้ำ เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน ให้ฉีดยาฆ่าเชื้อไปอีกระยะหนึ่ง แต่โดยรวมผู้ป่วยปลอดภัยดีแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews