พ่อใจสลายส่งลูกพิการแต่กำเนิดไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่กลับติดโควิดดับ

16 สิงหาคม 2564
5

พ่อร้องทุกข์ส่งลูกพิการแต่กำเนิดไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่กลับติดโควิดดับ โดยทางโรงพยาบาลยอมรับในภายหลังว่ามีผู้ป่วยโควิดปกปิดข้อมูลเข้ามารักษาทำให้เชื้อแพร่มาสู่ลูกชายของเขา

พ่อร้องทุกข์ลูกชายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล สุดท้ายได้รับแจ้งว่าติดโควิดเสียชีวิต คำถามคือลูกชายติดเชื้อจากไหน ลูกเป็นผู้พิการติดเตียงตั้งแต่กำเนิด ออกนอกบ้านแค่ตอนไปรักษา และครอบครัวก็ถูกสั่งห้ามเฝ้าไข้กว่า 11 วันก่อนได้รับแจ้งว่าลูกติดโควิด

ผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลูกผมอายุ 21 เป็นเด็กพิการติดเตียงแต่กำเนิด เข้ารักษาตัวด้วยอาการชักเกร็ง พอตรวจเลือดพบว่าเลือดหนืดและเริ่มติดเชื้อในเลือด เข้ารักษาตัว27 มิ.ย.  ผมได้เฝ้าไข้ลูกผมจนถึงวันที่ 3 ก.ค.  หลังจากนั้นก็โดนงดเฝ้าไข้น้อง รพ.อ้างว่าเดี๋ยวเชื้อโรคจะไปติดน้อง  รักษามาได้จนถึงวันที่ 14 ก.ค. พยาบาลแจ้งว่าน้องมีไข้ยังกลับไม่ได้ พอวันที่15 ก.ค. พยาบาลโทรมาแจ้งว่าให้ทางบ้านน้องหาถังออกซิเจนกับสายดูดน้ำลายน้องถ้าจะเอาน้องกลับบ้าน ผมก็หามาได้1ถัง 

 

ลูกพิการติดโควิด

 

แต่สุดพีค คืนวันที่ 16 ก.ค. คุณหมอเจ้าของไข้น้องโทรมาบอกว่า คุณพ่อตอนนี้น้องอาการโคม่าแล้ว น้องติดเชื้อโควิด19 เชื้อลงปอดเป็นฝ้าแล้ว  คนเป็นพ่อหัวอกแทบแตกสลาย

หมอพูดกับผมว่าน้องอยู่ได้อีกไม่เกิน5วัน เชื้อมาจากไหน ติดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่มีการตรวจน้องตั้งแต่ 7 วันก่อนหน้า ทั้งๆที่นอนอยู่ตรงนั้นเกือบเดือน

สุดท้ายวันที่ 20 ก.ค. น้องก็เสียชีวิต ตั้งตัวไม่ติดเลย พอสอบถามว่าเชื้อมาจากไหน ตอบไม่ได้นะรพ.อ่ะ  เพิ่งมาสรุปว่าให้ฟังว่าในวันที่ 20 ก.คใ มีคนไข้ปกปิดข้อมูลว่าตัวเองมีเชื้อโควิด  เลยทำให้เชื้อมาสู่ลูกผม ขอดูหลักฐานข้อมูลก็ไม่บอก  ได้แต่บอกว่าเป็นความลับ  ผมถามว่าถ้าวันที่15ก.ค คุณส่งลูกผมกลับบ้านมา  อ่ะไรจะเกิดขึ้น ที่บ้านมี คุณพ่อ73 แม่ 71 ป้า 75 ลุงผม82  ความเสียหายจะเป็นอย่างไง  

ทางเจ้าหน้าที่รพ.โทรนัดผมเพื่อที่จะเข้ามาคุยเจรจาเรื่องนี้ วันที่ 20 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันเผาน้องพอดี ตายปั้บเผาปุ้บ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่าทาง รพ.ไม่มีเงินเลย ช่วยค่ารถเดินทางไปวัดโคกตูม 2,000บาท

 

ร้องทุกข์ลูกติดโควิดดับ

 

เจ้าหน้าที่พูดตลอดว่า น้องมีค่าใช้จ่ายในวันนั้นหลายบาท ถุงซิป 3ถุง ถุงละ3,000บาท ค่าโรงศพ 3,000บาท ทางเจ้าหน้าที่แจ้งผมว่าทาง รพ.รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้ทั้งหมดแล้ว  มันต้องเป็นความรับผิดชอบคุณอยู่แล้ว  ไม่สมควรอ้างแบบนี้ 

ถ้าทางรพ.มีการรอบคอบหรือป้องกันทำเต็มที่มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวผมเลย  รพ.แจ้งอีกว่ากำลังดำเนินการส่งเรื่องไปที่ สปสช.ให้ช่วยเหลือเยียวยา  ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอ่ะไรกับเรื่องนี้  ผมนะกลัวสุดๆ กลัวเงียบ เขาให้ผมรอ อย่าโพสต์อ่ะไร อย่าบันทึกเสียงในการสนทนากัน ผมก็อยากทำตามครับ  แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะเก็บไว้กันตัวผมกับน้องได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews