สะพัด ลูกทหารยศร้อยเอก โพสต์ได้ฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 ก่อนรีบขอโทษ ชี้แจงความจริง
โผล่อีกราย ลูกทหารยศร้อยเอก โชว์เก๋า โพสต์ได้ฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 ชาวเน็ตฮึ่มหนักจัดทัวร์ถล่ม ก่อนชี้แจงความจริงรีบขอโทษรัวๆ
ต้องจับตาทุกๆ วันเลยทีเดียว กับมาตรการการจัดสรรไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นวัคซีนฟรีที่ได้รับบริจาคจากอเมริกา จึงทำให้ประชาชนต้องการเห็นหลักฐานต่างๆ ว่า ทีมแพทย์ได้รับจริงๆ ไม่ใช่ VVIP มาปาดหน้าแย่งชิงไป ทำให้เกิดการสงสัยทุกครั้งที่ในโลกออนไลน์ได้เห็นคนโพสต์ว่าได้ฉีดไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3
อาทิในกรณีของทหารยศสิบเอกที่ได้โพสต์ไปว่าได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เนื่องจากประชาชนต่างสงสัยว่าเขาเป็นบุคลากรด่านหน้าหรือไม่ ทำให้ทางโรงพยาบาลจังหวัดเลยต้องออกมาชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า เขาคือบุคลากรด่านหน้าที่ประจำที่โรงพยาบาลค่ายศรีสองรัก มณฑลทหารบกที่ 28
เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้าน นายแพทย์สันติ กิจวัฒนาไพบูลย์ แพทย์ปฏิบัติทั่วไป โรงพยาบาลเอกชนได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความถึงบุคคลหนึ่งที่ได้โพสต์ภาพ และข้อความระบุทำนองว่า เขาได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว ซึ่งเป็นวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคมาให้ 1.5 ล้านโดส ซึ่งทางรัฐบาลยืนยันในการจัดสรรไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า ทีมบุคลากรด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์แน่นอน
โดยในโพสต์ดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า "คิดว่าสิบเอกได้ไฟเซอร์พีคแล้วใช่มั้ย เจอนี่หน่อยลูกทหารยศร้อยเอก ได้ฉีดไฟเซอร์ เอาลง story ส่วนตัว โควต้าอะไรเอ่ย? ควรมีคำตอบให้สังคมนะ และหน้าด่านยังไม่ได้เลย ทำไมมีคนหน้าด้านเอาได้ล่ะ #ไฟเซอร์หายไปไหน" ซึ่งทำให้เป็นที่สนใจอย่างมากในโลกออนไลน์
กระทั่งล่าสุด นายแพทย์สันติ ได้โพสต์ข้อความที่บุคคลดังกล่าวได้ชี้แจงอีกครั้งว่า "ทางเจ้าตัวฝากมาขอโทษกับผมเองส่วนตัวนะครับ และชี้แจงว่าที่เอาลง story ส่วนตัว เป็นของคนรู้จักครับ ไม่ใช่เจ้าตัว ผมเองอาจจะไม่สามารถแก้ความเข้าใจผิดมากกว่านี้ได้ แต่เจ้าตัวยอมรับผิดและคำวิจารณ์ และโปรดอย่าไปล่าแม่มดคนอื่นครับ เพราะคนอื่นไม่เกี่ยวครับ"
โดยในข้อความขี้แจงนั้นระบุว่า "เป็นของแฟนและน้องพยาบาลนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกะพ่อและไม่ได้ฉีดไฟเซอร์เอง ขอโทษที่ลงแบบนั้น แต่กับเพื่อนก็พอรู้ตัวกับพี่เจ้าของเพจ ขอบคุณพี่เจ้าของเพจที่รับฟังชี้แจงครับ" ซึ่งก็ยังทำให้มีชาวเน็ตตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นในความคิดที่หลายหลายเช่นเดิม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews