กรณีที่ทาง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยถึงการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่สีเเดงเข้ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบขยายพื้นที่เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด-19 จาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด เพิ่ม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ใน 9 ประเภทกิจการ www.sso.go.th
ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยให้มีอัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิม
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยานายจ้าง ลูกจ้าง มาตรา33 ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิจำนวน 272,746 คน นายจ้าง 19,213 ราย ใช้วงเงินทั้งสิ้น 1,522 ล้านบาท แยกเป็น นายจ้าง 841 ล้านบาท และลูกจ้าง 681 ล้านบาท โดยจะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ให้ลูกจ้างผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น
ส่วนนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง ทั้งนี้ ผู้ประกันตนม. 33 สามารถตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาได้ที่ https://www.sso.go.th หรือโทรศัพท์ สายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งการโอนเงินจะโอนตามหลายเลขบัตรประชาชน วันละ 1 ล้านคน กำหนดโอนเงินวันที่ 5-6 ส.ค.64 มีรายละเอียดตามลำดับเลขบัตรประชาชน ดังต่อไปนี้
1. 5 ส.ค.64 โอนเงินเข้าเลขบัตรประชาชน หมายเลข 1620400023965-3460700773038
2. 6 ส.ค.64 โอนเงินเข้าเลขบัตรประชาชน หมายเลข 3460700774417-8960900002244
หากภายใน 4-6 ส.ค.นี้ ผู้ประกันตนม.33ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา 2500บาท อาจต้องเช็คว่าได้ผูกพร้อมเพย์บัญชีธนาคารกับเลขบัตรประชาชนของตนเองหรือไม่ ให้เร่งดำเนินการผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน โดยประกันสังคมจะโอนเงินเข้าให้ในวันที่ 13 ส.ค.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยอีกว่า ทั้งนี้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ต้องกังวล เนื่องจากทางประกันสังคม มีไอดีของแต่ละคนอยู่แล้ว จากนั้นจะตรวจสอบว่า ผู้ประกันตนอยู่บริษัทไหน ก็จะมีการติดต่อไปที่บริษัทนั้น
ซึ่งเมื่อ4 สิงหาคม 2564 มีกำหนดโอน 1 ล้านเลขหมายเป็นวันแรก สามารถโอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้สำเร็จ จำนวน 922,000 คน คิดเป็น 92 % ส่วนอีก 77,000 กว่าราย หรือคิดเป็น 7 % พบปัญหาว่า ตัวผู้ประกันตนไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ไว้ หรือบางส่วนไม่ได้มีการเดินบัญชีมาเป็นระยะเวลานาน จนบัญชีถูกปิด จำนวน 4,000 กว่าบัญชี ไม่มีบัญชีที่แจ้งไว้ 1,800 บัญชี และ มีเลขบัญชีที่ไม่ถูกต้อง 51 บัญชี
ให้ผู้ประกอบการแจ้งลูกจ้างว่า ติดปัญหาอะไร เช่น หากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ก็ให้จัดการผูกบัญชีให้เรียบร้อย หลังจากนั้น จะมีการโอนเงินเข้าพร้อมเพย์ให้ถัดไปอีก 7 วัน เช่น หากกำหนดโอนเงินเข้าวันที่ 4 สิงหาคม เงินก็จะโอนเข้าในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้น
โดย ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือเดิมผูกด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ สามารถดำเนินการผูกบัญชีหรือเปลี่ยนพร้อมเพย์จากโทรศัพท์มือถือมาเป็นผูกกับเลขประจำตัวประชาชนด้วยตนเอง
ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารที่มีบัญชีอยู่ เช่น Mobile Application, Internet Banking และเครื่อง ATM ตามช่องทางที่แต่ละธนาคารให้บริการ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาธนาคาร เพื่อความสะดวกและลดความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19