โฆษกขององค์การฯ อ้างอิงคำกล่าวของ ซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การฯ ระหว่างงานแถลงข่าวที่สำนักงานสหประชาชาติในเมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ว่า แม้การจับคู่ฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับประชาชนในประเทศที่ขาดแคลนวัคซีน แต่ยังจำเป็นต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและความปลอดภัย
“เรายังคงรอข้อมูลจากผลการศึกษาด้านการจับคู่ฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อ และยังต้องประเมินการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยของวิธีการดังกล่าว” สวามินาธานระบุ
เมื่อวันอังคาร (13 ก.ค.) โฆษกเผยแพร่ข้อมูลซึ่งระบุว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของสหราชอาณาจักรกำลังนำการทดลองทางคลินิกเพื่อตรวจสอบผลการจับคู่วัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) กับวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) และได้เริ่มนำวัคซีนของโมเดอร์นา (Moderna) และโนวาแวกซ์ (Novavax) มาร่วมทดลองเมื่อไม่นานมานี้
โฆษกระบุว่าผลการทดลองขั้นต้นของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาในโดสแรก และฉีดวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคในโดสที่ 2 มีโอกาสเป็นไข้และมีผลข้างเคียงทั่วไปและไม่ร้ายแรงอื่นๆ สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาทั้งสองโดส
ที่มา xinhuathai