พระบรมราชโองการ บรรเทาเดือดร้อนประชาชน ลดเงินสมทบผู้ประกันตน ม.40

25 มิถุนายน 2564
17

ราชกิจจาฯเผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา ลดอัตราจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้( 25 มิ.ย.) เป็นต้นไป

วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

 

โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 40 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

 

พระบรมราชโองการ บรรเทาเดือดร้อนประชาชน ลดเงินสมทบผู้ประกันตน ม.40

 

พระบรมราชโองการ บรรเทาเดือดร้อนประชาชน ลดเงินสมทบผู้ประกันตน ม.40

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“มาตรา 6 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ และประโยชน์ทดแทนในกรณีตาย เมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตรา ดังต่อไปนี้

 

(1) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 เดือนละสี่สิบสองบาท

(2) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป เดือนละเจ็ดสิบบาท

 

มาตรา 7 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทนในกรณีตาย และประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตรา ดังต่อไปนี้

(1) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 เดือนละหกสิบบาท

(2) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป เดือนละหนึ่งร้อยบาท

มาตรา 8 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทนในกรณีตาย ประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ และประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตรา ดังต่อไปนี้

(1) ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 เดือนละหนึ่งร้อยแปดสิบบาท

(2) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป เดือนละสามร้อยบาท”

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ยังคงแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางอันส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตน สมควรลดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เป็นระยะเวลาหกเดือน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

 

พระบรมราชโองการ บรรเทาเดือดร้อนประชาชน ลดเงินสมทบผู้ประกันตน ม.40