วันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวรายงานความความคืบหน้าคดี ที่นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งบริษัทเคพีเอ็น ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่องหล่อเพื่อให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอมสืบเนื่องจากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีการปลอมลายเซ็นต์ในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้นระหว่างนายเกษม กับคุณหญิงกอแก้ว และเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นบริษัทวินด์เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นของปลอม
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งเด็ดขาดฟ้องคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา และพวก ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม อันสืบเนื่องมาจากการปลอมลายมือชื่อ (ลายเซ็นต์) ของนายเกษม ณรงค์เดช ในเอกสารหลายฉบับ และได้นำเอกสารปลอมเหล่านี้ไปใช้ในการโอนหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ มาเป็นของตนเองและพวก
โดยคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุดในครั้งนี้ สอดคล้องกับผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหน่วยงานรัฐทั้งสองได้ชี้ชัดว่า เอกสารต่างๆ (ที่มีลายเซ็นของนายเกษมฯ เป็นผู้โอนหุ้น และคุณหญิงกอแก้วฯ เป็นผู้รับโอนหุ้น) เพื่อใช้ประกอบในการโอนหุ้นวินด์เอนเนอร์ยี่ของคุณหญิงกอแก้วฯ ทั้งหมดนั้น เป็นการปลอมลายมือชื่อของนายเกษม ณรงค์เดช ทั้งสิ้น
ขณะที่ นายสมบูรณ์ แสงรุ่งแจ้ง ทนายของคุณหญิงกอแก้ว ชี้แจ้งว่า ตนเองยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เห็นข่าวจากสื่อมวลชนเช่นกัน ซึ่งตนจะสอบถามไปยังอัยการอีกที เพื่อยืนยันว่ามีคำสั่งออกมาจริงหรือไม่ เพราะเดิมทีอัยการนัดฟังคำสั่งวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ทั้งยังมีคำสั่งให้สอบพยานอีกหลายปาก กระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ทางคุณหญิงฯ พร้อมต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด และต้องขอย้ำว่าเป็นเพียงคำสั่งฟ้องของอัยการ ไม่ใช่คำตัดสิน ดังนั้น คุณหญิงฯ ย่อมถือเป็นผู้บริสุทธิ์ และต้องรอจนกว่ากระบวนการยุติธรรมจะเสร็จสิ้น
โดยคดีนี้เป็นหนึ่งในคดีที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องตระกูลณรงค์เดช โดยยังมีอีกหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ นายกฤษณ์ ณรงค์เดช โดนฟ้องในคดียักยอกทรัพย์ และโกงเจ้าหนี้ร่วมกับน้องชาย รวมถึงการยื่นถอดถอนจากผู้จัดการมรดก ที่ยืดเยื้อยาวนานมากกว่า 7 ปีแล้ว