กรมราชทัณฑ์แจงกรณีผู้ต้องขังติดโควิดเสียชีวิต 4 ราย มีโรคประจำตัว

07 มิถุนายน 2564
2

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่พบผู้ต้องขังติดโควิดเสียชีวิต 4 ราย เป็นกลุ่มเปราะบางมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน บางรายเป็นผู้สูงอายุทำให้มีความเสี่ยงมากกว่า

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ล่าสุดมีรายงานว่านายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยมีผู้ต้องขังเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องขังในกลุ่มเปราะบางคือมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน บางรายเป็นผู้ป่วยสูงอายุ 

 

"กรณีของผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 4 ราย ในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังที่เสียชีวิตที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 3 ราย และที่โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง 1 ราย โดยทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องขังในกลุ่มเปราะบาง คือ มีโรคประจำตัว เป็นโรคเบาหวาน และบางรายเป็นผู้ป่วยสูงอายุ ที่มีภาวะความเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรคที่สูง ซึ่งแพทย์ได้ให้ยาและรักษาตามกระบวนการอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตของผู้ป่วยทั้ง 4 รายไว้ได้ จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด"

ด้านถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 นาฬิกา) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 91 ราย รักษาหายเพิ่ม 842 ราย เสียชีวิต 4 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 13,008 ราย ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดคงที่ จำนวน 126 แห่ง พบการแพร่ระบาดจำนวน 12 แห่งเท่าเดิม

และยังคงเข้มมาตรการป้องกันเชื้อ คือ อย่าให้มีการนำเชื้อเข้า เร่งดำเนินการรักษาเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และระวังอย่าให้นำเชื้อจากเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดออกภายนอก โดยเฉพาะการเร่งค้นหาและคัดแยกผู้ป่วยในเรือนจำ/ทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้ต้องขังได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถคัดกรองผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ให้ได้รับการจัดสรรวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดการแพร่ระบาดภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานได้อีกทาง

ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ ในระยะแรกจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขัง 3 กลุ่ม ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด คือ

1.กลุ่มเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ เรือนจำจังหวัดปทุมธานี เรือนจำอำเภอธัญบุรี สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี เรือนจำกลางเพชรบุรี จะได้รับการจัดสรรวัคซีนครบตามจำนวนผู้ต้องขังทุกคน

2.เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดในพื้นที่สีแดง จะดำเนินการฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง (ผู้ต้องขังสูงอายุ และผู้ต้องขังที่มีโรคประจำตัว) จำนวน 19 แห่ง คือ 1.เรือนจำจังหวัดตรัง 2.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา

3.เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 4.เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี 5.ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช 6.เรือนจำอำเภอนาทวี 7.เรือนจำกลางยะลา 8.เรือนจำอำเภอทุ่งสง 9.เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร 10.เรือนจำกลางเขาบิน 11.เรือนจำจังหวัดระนอง 12.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา 13.เรือนจำกลางตาก 14.เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา 15.ทัณฑสถานหญิงชลบุรี 16.ทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา 17.ทัณฑสถานหญิงสงขลา 18.เรือนจำอำเภอไชยา และ 19.เรือนจำอำเภอปากพนัง

และกลุ่มที่ 3.เรือนจำที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และมีผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการยืนยันทางการแพทย์ จะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขัง กลุ่มดังกล่าว ซึ่งวันนี้จะเริ่มจัดสรรวัคซีน ให้แก่ทัณฑสถานหญิงกลาง และจะพิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมที่ทัณฑสถานหญิงธนบุรี รวมถึงเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่อยู่ระหว่างการยืนยันผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้ออีกครั้ง