"ตำรวจ"ปลอมเป็นพระ สืบคดีจับคนร้าย หนีคดีร้ายแรง 10 ปี สำเร็จ

07 มิถุนายน 2564
2

เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมเป็นพระสืบคดี ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ โดยให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย หนีคดี 10 ปี จนสำเร็จ

พ.ต.อ.ชุมพล พิศลย์กุลพันธ์ ผกก.1 บก.ทท.2 พร้อมด้วย พ.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ธนกิจไพโรจน์ รอง ผกก.1 บก.ทท.2 และ พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ สว.กก.1 บก.ทท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว เข้าทำการจับกุมตัว นายสนธ์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สว่างแดนดิน ที่ 39/2554 ลงวันที่ 21 ก.ย.2554

 

ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ โดยให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมไม่มีเลขที่ ภายในสวนยางพารา อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ก่อนทำการควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น

พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ สว.กก. 1 บก.ทท. 2 กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยที่ได้ร่วมกันกับพวกรวม 4 คน ก่อเหตุฆ่าคนตายและนำศพไปทิ้งไว้ที่บริเวณเขื่อนน้ำอูน อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เมื่อปี 2554

หลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งหมดต่างคนต่างแยกย้ายกันหลบหนี โดยที่นายสนธ์ ได้หลบหนีไปทำงานที่ภาคใต้นานกว่า 10 ปี โดยในช่วงของการหลบหนีนั้นระมัดระวังตัวตลอดเวลา ไม่มีการติดต่อใครใดๆทั้งสิ้น เว้นแต่คนในครอบครัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและลงพื้นที่หาข่าวมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบว่าลูกชายของนายสนธ์ นั้นได้มาบวชเรียนที่วัดแห่งหนึ่ง ที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งสืบทราบแน่ชัดว่าครอบครัวของผู้ต้องหานั้นอยู่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี จึงได้ปลอมตัวเป็นพระ เพื่อสืบสวนหาข่าวที่วัดดังกล่าว โดยได้มีการประสานงานร่วมกับพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ได้รับทราบ จนกระทั่งสืบทราบว่าวันนี้ ภรรยาของนายสนธ์ จะเดินทางมาพบกับพระลูกชาย เพื่อขอรับอาหารไปรับประทานกับครอบครัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นพระจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมและสอบถามจนกระทั่งทราบที่อยู่ของผู้ต้องหา จึงได้ขอนำอาหารไปให้กับผู้ต้องหาเองร่วมกับครอบครัวของผู้ต้องหาด้วย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งคอยดูอยู่ไม่ห่าง

พ.ต.ท.วโรดม กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวเป็นพระ และ พระลูกชาย รวมทั้งภรรยาของผู้ต้องหาเดินทางไปถึงที่กระท่อมดังกล่าว พบผู้ต้องหาอยู่ภายในกระท่อม หลบซ่อนตัวอยู่จึงส่งมอบอาหารให้ และแสดงตัวเพื่อจับกุมทันที

โดยเจ้าหน้าที่ ที่ซุ่มอยู่จึงได้แสดงตัวและปิดทางเข้า-ออกทุกจุดเพื่อป้องกันการหลบหนี ก่อนที่จะทำการแสดงหมายจับและควบคุมตัวมาสอบสวน ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และให้การที่เป็นประโยชน์โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะจะกระทบกับสำนวนการสอบสวน

อย่างไรก็ตามภายหลังจากการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงทำการควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณ CH3