ฟิล์มเล่าว่าผมต้องพาคุณแม่ผมไปด้วย เพราะผมต้องอยู่ติดกันตลอดเวลา พอผมพาคุณแม่ไปด้วย ค่าใช้จ่ายมันก็เลยเพิ่มขึ้นไปด้วย ทั้งค่าใช้จ่าย ค่ากิน ที่พัก ผมเลยต้องมาทำงานล้างจานที่ร้านอาหารไทยด้วย ตอนนั้นผมก็เรียนเช้าแล้วก็ทำงาน เพื่อที่จะได้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวผมต้องส่งเงินมาให้คุณพ่อ พี่ ป้า น้า อา ที่ประเทศไทยด้วยเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโต ผมจะเลี้ยงทั้งตระกูลอยู่แล้ว คือจริงๆ เงินเก็บของผมมีอยู่แล้ว แล้วผมก็จะส่งเงินเก็บของผมให้พวกเขาอยู่แล้ว แต่ว่าที่ผมต้องทำงานเพิ่มเติม เพราะว่ารายได้จะได้ไม่ขาดตอน เพราะว่าเราไม่มีงานแสดงแล้ว เราก็ทำงานล้างจาน แล้วก็ทำงานทุกอย่างที่มันได้เงิน
ปกติอยู่บ้านก็ล้างจานให้คุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ เราก็ชินกับตรงนั้น แต่ว่ามันจะไม่ชินกับการโดนคำดูถูกมากกว่า เพราะว่าเรื่องล้างจาน ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกนะครับ เพราะผมก็คุยอยู่กับคนในครัว หัดผัดบ้าง หัดทอด ช่วยกวาดพื้น เก็บโต๊ะ เก็บขยะ เป็นเรื่องปกติมากๆ เลย
แต่เราจะไม่ชอบตอนที่เวลาเราขึ้นไปเสิร์ฟ ซึ่งฝรั่งโอเค เขาให้เกียรติเรา แต่เวลาเจอคนไทย แล้วยิ่งเวลาที่มากับสาวด้วยอีก คือพอสาว บอกพี่ฟิล์ม พี่ฟิล์ม มาเสิร์ฟอยู่นี่เหรอ เราก็บอกว่าใช่ครับ พอคุยเยอะๆ หน่อยผู้ชายมาแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาว่ามาถ่ายรูปกัน เขาก็พูดวลีโบราณแล้ว บางทีมากอดคอ มาทำอะไรที่ไร้มารยาทใส่เรา เราก็รู้สึกว่ามันโหดนะ ทำไมเราต้องมาอยู่จุดนี้ แต่แบบมันต้องทน เพราะว่ามีเรื่องอะไรก็ไม่ได้ ผมก็แค่ไม่ชอบตรงนั้นมากกว่า
และทำให้เราเรียนรู้อย่างแรกเลยคือไม่มีคนคอยทำอะไรให้เราแล้วนะ แต่พอเราไปอยู่โน่น เราต้องทำเองทุกอย่าง เดินเหินปกติ ทำทุกอย่างปกติ นั่งรถตู้ รถไฟฟ้าไปเรียน เรารู้สึกว่ามันแปลกสำหรับผม แต่ผมชอบนะ แล้วผมก็เริ่มแสวงหาแบบช่องทางการทำมาหากิน เริ่มมีพรรคพวก เริ่มชวนทำธุรกิจ ทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าผมไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น ผมคงไม่มีโลกแบบนี้นะ
ความซวยของผมยังไม่หมดเท่านี้ ผมดันไปพลาดตั้งแต่ผมไปอังกฤษด้วยแหละ มันหนาวแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรทำ ผมก็ไปพลาดเข้าคาสิโน ซึ่งเป็นบ่อนที่ถูกกฎหมายที่บ้านเขานะครับ ความบรรลัยเกิดเลยครับ ผมเข้าไปเพราะแบบมันหนาว เราคิดแค่ว่าสนุกๆ นะ แล้วด้วยความที่เราไม่เคยเข้าไปเล่น พอได้เล่นแล้วมันสนุกมากอะไรอย่างนี้ ผมก็เริ่มติดเลยครับ เริ่มแบบสนุก แล้วคือช่วงแรกคือมันได้ มันเลยสนุกไปหมด ทำให้เรารู้สึกว่าเราเจอทางแล้ว เจอช่องทางในการหาเงินของเราแล้ว พอเรียนเสร็จมาเล่นเพราะเราคิดว่านี่แหละคือช่องทางหารายได้ของเรา
แล้วมีช่วงหนึ่งหน้ามืดโดนจนหมดตัวเลย ซึ่งเป็นงบที่เราเตรียมเพื่อเอาไปเรียน ไปใช้ที่นั่น ผมเตรียมไว้ 1 ปี แล้วมันมาหมดช่วงแบบประมาณ 3-4 เดือนแรกครับ เพราะว่าผมดันพลาด ดันสนุกไป ผมเลยเล่นไม่หยุด มันเสียปุ๊บแล้วหน้าของผมมืดเพราะว่าเราอยากได้คืน ก็เลยเอาเงินเก็บของผมไปเล่นต่อ
นี่คุณแม่ไม่รู้เลย หมดไป 1 ล้านบาทภายในวันเดียว ตอนนั้นผมก็เกือบบ้า แต่ว่าผมก็แบบซวยแล้วทำไงดี ซึ่งผมเข้าใจเลยว่าคนหน้ามืดแล้ววินาทีสุดท้ายชีวิตเป็นยังไง ผมก็นั่งท้อๆ อยู่ เราจะไปยังไง งานแสดงก็ไม่มี ถูกพักงานเกือบๆ 2 ปี แล้วเหลือเวลาอีกเป็นปีกว่าเราจะได้มีโอกาสกลับไปทำงานใหม่ ทำอะไรก็ไม่ได้ วันๆ ล้างแต่จาน เราก็รีบโทรหาพี่ชายเลยว่าขายรถให้หมดเลย พี่ชายก็รีบขายรถให้ แล้วเขาก็รีบโอนเงินส่วนหนึ่งมาให้เพื่อให้ผมประคองชีวิตต่อ
แต่ทีนี้สะดุดแล้วกับการที่ผมกะว่า 2 ปีจะเพียงพอ แต่หลังจากที่เสียไปหมดคือไม่เพียงพอแล้ว เราก็ทำไงดี แต่สัปดาห์กว่าๆ กว่าที่เราจะได้สติกลับคืนมา เราก็เริ่มหางาน ทำงาน ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้บอกคุณแม่เลยว่าเราไปเล่นพนันแล้วเสียหมด เพราะว่าเราทำให้คุณแม่เสียใจอีกไม่ได้แล้ว เขาเสียใจมามากแล้ว เขาจะเสียใจอีกไม่ได้หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มไปทำงานตามผับบาร์แบบชงเบียร์ ชีวิตของผมในแต่ละวันคือเช้าเรียน ช่วงบ่ายว่างอยู่ ช่วงเย็นเสิร์ฟอาหาร ช่วงหลังสี่ทุ่มไปอยู่บาร์เบียร์ แล้วก็คำนวณเวลาว่าเราเหลือเวลาตรงไหนอีก เหลือเวลาช่วงบ่าย เราก็ไปสมัครส่ง grab ปั่นจักรยานส่งข้าวตามบ้าน ยังเหลือเวลาอีก ไปยืนขายตั๋วฟุตบอล หรือใครอยากให้ผมไปร้องเพลงตามร้านอาหารไหม ตอนนั้นผมทำทุกอย่าง แล้วพอเราประกาศไปเสร็จ ร้านอาหารไทยคือจองคิวเราเต็มเลย
แต่มันมาปั่นทอน เมื่อก่อนขึ้นเวทีคือ 200,000 บาท แต่ที่นั่นคือ 50,000 บาท ไม่มีอะไรเลยโล่งๆ ไม่มีเวทีเราก็ยืนร้องกับลำโพงตัวเดียว เราก็ต้องอดทนสู้เพื่อเงิน เพื่อแม่ เพื่อทุกคน เรารู้สึกว่าการร้องเพลงของเราที่นั่น เราเหมือนเด็กนั่งดริงก์มากกว่า เพราะเดี๋ยวโต๊ะนั่นเรียก โต๊ะนี้เรียก เราก็กลับมานั่งคิด ได้เงินเราก็ดีใจ แต่เราก็รู้สึกว่ามันขนาดนี้เลยเหรอชีวิต เราก็มานั่งคิดเพราะความโลภ ความที่เราไปเล่นเสียอย่างนี้ เพราะการกระทำที่เราทำทั้งนั้น ผมเลยมานั่งคิดมันจะพลาดอะไรอีกไหมในอนาคตเนี่ยพอวันนั้นผมกลับมาบ้านแล้ว ผมมานั่งกำเงินแล้วคิดจะไปต่อหรือว่าอย่างไรอะไรอย่างนี้ แล้วผมก็นั่งคิดแล้วพลิกชีวิตผมเลยวันนั้นว่ามันจะต้องไม่พลาดอีกแล้วชีวิตนี้ ถ้าพลาดอีกมันอาจจะไม่มีดวงประคองชีวิตนี้ไปได้อีก การพนันเลิกหมดเลยครับ แต่สิ่งที่เราทำแล้วพลิกชีวิต มันจะต้องไม่มีคำว่าพลาดอีกแล้ว เพราะมันอาจจะไม่ได้มีดวงแบบนี้ ที่ร้านอาหารเขารักเราหรือจ้างเราแบบนี้อีก พอพลิกชีวิตวันนั้นเราบอกกับตัวเองว่าเราต้องสู้ หลังจากนั้นเราก็มาวางแผนเลยว่าผมต้องทำธุรกิจอะไร ก็เลยทำให้เราเริ่มที่จะสร้างธุรกิจที่เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาเลยครับ
ภาพแม่คือภาพที่ผมแบบสะเทือนใจที่สุดในชีวิตเลย เพราะตัวผมเองผมเจออะไรผมรับได้ แต่ที่ผมเห็นแม่ อันนั้นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตผมด้วยว่าผมรับไม่ได้ เพราะว่าผมห้ามพ่อแม่หรือครอบครัวของผมไม่ให้ทำงานตั้งแต่ที่ผมอายุ 17 ปี ผมบอกว่าผมจะเลี้ยงเอง แล้วผมทำแบบนั้นมาได้ตลอดเลย ผมเลี้ยงทุกคน เลี้ยงคุณย่าผมจนท่านลาไปเลยแต่ภาพที่ผมเห็นวันนั้นที่ผมอยู่อังกฤษ แล้วคุณแม่ผมเขาเบื่อแล้ว เขามีความรู้เรื่องสักคิ้ว เรื่องย้อมผม เสริมสวย เขาเลยออกไปทำงานตามร้านตัดผมไทย นั่นแหละครับ ที่เป็นภาพที่ผมเห็นแล้วแบบทำไมมันต้องมาเป็นแบบนี้ คือแม่ต้องมานั่งรถเมล์ ซึ่งเวลาที่เขากลับมาแล้วเขาเล่าให้เราฟัง คือเขาหัวเราะ ได้เพื่อนแต่ลึกๆ ผมเจ็บปวด ผมไม่ชอบ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขาก็พยายามบอกแต่ในมุมดีๆ ให้ผมฟัง แล้วบางครั้งผมบอกว่าผมไปเรียนแล้วนะ แต่ผมแอบดูแม่
เรื่องนี้ผมไม่ได้เล่าที่ไหนเลย คือผมแอบดูแล้วผมน้ำตาร่วง แล้วแม่ก็เดินออกไป ภาษาอังกฤษแม่คือไม่ได้เลย แต่เขาแบบไปสู้ชีวิตออกไปนั่งรถเมล์ พอผมเห็นแม่ผมเกาะรถเมล์ ตั้งแต่ผมอายุ 17 ปี เราไม่เคยทำให้เขาเป็นแบบนี้เลยนะ แต่ความผิดพลาดของเราทำให้เขาเป็นแบบนี้เลย ซึ่งเขาก็บอกเราว่าเขามีความสุข แต่ผมคิดว่าเขาไม่มีความสุข ใครมันจะไปรับได้ ไม่ใช่การติดดิน ไม่ใช่ใครรับไม่ได้ แต่ใครจะไปรับได้ ตอนที่แบบเพราะสิ่งที่เขาจะไปเจอผมรู้ว่าเขาต้องไปเจออะไร แม่ฟิล์มเหรอ ทำไมมาตัดผม ทำไมมาทำอย่างนี้ ผมเข้าใจว่าแม่แกร่งมาก เพราะผมก็ได้ทุกอย่างมาจากแม่ เพราะว่าแม่เป็นแบบอย่าง
ขอบคุณ Club Friday Show