รัฐบาลยอมถอยไฟเขียวให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่มีข้อแม้เล็กน้อย

07 พฤษภาคม 2564
3

รัฐบาลยอมถอย ไฟเขียวให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่มีข้อแม้เล็กน้อย แค่ไม่ควรซ้ำยี่ห้อกับที่ทางรัฐบาลจัดสรรมาให้ประชาชน และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564

หลังจากที่มีการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลได้ช่วยแสวงหาวัคซีนโควิดที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายมาฉีดให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหลายคนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอกที่สามที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 

รัฐบาลยอมถอยไฟเขียวให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่มีข้อแม้เล็กน้อย

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงชี้แจงเกี่ยวผลการประชุมแนวทางการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน ว่า มีมติว่าควรกำหนดให้วัคซีนโควิด 19 เป็นสินค้าควบคุม

 

โดยสถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิด 19 ทางเลือก ที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 รวมทั้งในอนาคตกรณีที่มีการวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ก็สามารถนำเสนอวัคซีนทางเลือกรายการอื่นเพิ่มเติมได้

รัฐบาลยอมถอยไฟเขียวให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่มีข้อแม้เล็กน้อย

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้สรุปการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติมของภาครัฐ ประกอบด้วย Pfizer, Sputnik V และ Johnson & Johnson ซึ่งในการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ของสถานพยาบาลเอกชนนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรเป็นวัคซีนโควิด 19 ในรายการอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยภาครัฐและสถานพยาบาลของรัฐ 


เพื่อให้เป็นวัคซีนทางเลือกอย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภาครัฐ เช่น Moderna, Sinopharm หรือวัคซีนอื่นที่จะมีการขึ้นทะเบียนต่อไปในอนาคต และขอให้มีการควบคุมราคาการให้บริการในการฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชนในสถานพยาบาลเอกชนให้สมเหตุสมผล และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ อย. ช่วยผลักดันให้มีบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายวัคซีนเข้ามาขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น


อย่างไรก็ตามการจัดหาวัคซีนในสถานพยาบาลเอกชนนั้น องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้บริหารจัดการและประสานกับบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน โดยจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย (Product Liability) และสถานพยาบาลเอกชนที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องชำระเงินจองวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกล่วงหน้าให้แก่องค์การเภสัชกรรมเต็มจำนวนมูลค่าการสั่งซื้อ (100%) รวมทั้งจัดทำประกันสำหรับกรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
 

รัฐบาลยอมถอยไฟเขียวให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่มีข้อแม้เล็กน้อย