ยาที่ผลิตได้นี้ อยู่ระหว่างการนำไปศึกษาชีวสมมูลในอาสาสมัครสุขภาพดี เพื่อศึกษาความเท่าเทียมกันในการรักษาเปรียบเทียบกับยาต้นแบบ มีกำหนดแล้วเสร็จและสามารถยื่นข้อมูลขึ้นทะเบียนให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประมาณมิถุนายน - กรกฎาคม 2564
สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่ายนั้นจะสามารถดำเนินการได้ภายหลังการได้ทะเบียนตำรับยาจาก อย. ทั้งนี้ ต้องไม่มีประเด็นด้านสิทธิบัตรยา องค์การฯ ก็จะสามารถผลิตยาเม็ด Favipiravir ได้ทันที ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในทะเบียนยา
ภญ.ศิริกุล กล่าวต่อว่า สำหรับกำลังการผลิตยา Favipiravir นั้น องค์การฯ มีศักยภาพที่สามารถผลิตรองรับความต้องการได้ นอกจากนี้ ในระยะยาวองค์การฯ ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์วัตถุดิบยา Favipiravir ในระดับห้องปฏิบัติการ และขยายขนาดการผลิตสู่กึ่งระดับอุตสาหกรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานสังเคราะห์วัตถุดิบยา Favipiravir และวัตถุดิบยาจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการผลิตวัตถุดิบในระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นคงยั่งยืนและการพึ่งพาตนเองด้านยาให้กับประเทศไทย