จากกรณีดังที่เกิดขึ้นในพื้นที่สำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง บ้านเขาย้อยพัฒนา ม.16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังสาวรายหนึ่งร้องเรียนว่า แม่ถูกชายห่มดำ ทำตัวเหมือนพระสงฆ์แต่ไม่ใช่หลอกลวงแม่ให้ทำบุญ ด้วยคำแอบอ้างว่าตนสามารถกษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงโรคโควิด-19 ได้ แถมยังกล่าวอ้างว่ามีอภินิหารต่างๆ จนแม่ถึงขั้นสบทบเงินทำบุญ และสร้างที่พักสงฆ์ภายในของตัวเองตามที่เป็นข่าวโด่งดัง
ล่าสุด นางตุ๋น ทองร้อง อายุ 68 ปี หนึ่งในลูกศิษย์คนสนิทของหลวงปู่พุทธะ สุริยะจักรวาล ชายห่มดำ ได้ออกมาเผยในอีกมุมหนึ่งว่า ก่อนตนอยู่ที่กรุงเทพฯ ย้ายกลับมาเมื่อประมาณปี 2555-2556 ตนได้ยินว่ามีพระสงฆ์มาอยู่ที่ศาลา ตนเลยตามไปกราบไหว้และเริ่มแรกตนได้บริจาคเงินทำบุญแค่ 20 บาท นับตั้งแต่นั้นมาตนก็เคารพ
เมื่อปี 2561 วันที่มีการขับไล่หลวงปู่ออกจากสถานที่ ตนเป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปเถียงแทนหลวงปู่ เพราะหลวงปู่สอนเสมอว่า “ใครด่า อย่าไปเถียง อย่าไปตอบ ให้เดินหนี” สาเหตุที่ไล่หลวงปู่น่าจะเกิดจากการขัดผลประโยชน์ เพราะคนนิยมมาทำบุญกับหลวงปู่และไม่ยอมไปทำบุญที่วัดประจำหมู่บ้าน ส่วนเรื่องข่มขืนตนคิดว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ บ้านของตนอยู่ติดกับบ้านของผู้เสียหาย
โดยนางสาวน้ำส้มปั่น ผู้เสียหายเคยมีสามีมาก่อน แต่สามีทิ้งเลยหนีไปบวช และให้หลวงปู่บวชให้ ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่สึกแล้ว และสึกเพราะมีองค์อยู่ในตัว แต่ตนไม่รู้ว่าเป็นองค์อะไร
หลวงปู่ไม่เคยเรียกให้คนถวายของให้ แต่ทุกคนจะซื้อของถวายเอง และตนมักจะถวายน้ำผึ้งให้ เพราะหลวงปู่ชอบกิน และบอกว่ากินเพราะดีต่อสุขภาพ ส่วนตัวเลยกินตาม หลวงปู่ชอบกินน้ำมะพร้าวเช่นกัน อีกทั้งหลวงปู่ยังไม่เคยรับเงินบริจาคเองกับมือ แต่จะให้หยอดเงินใส่ตู้ ซึ่งจำนวนนี้จะนำไปทำนุบำรุงสถานที่
นอกจากนี้หลวงปู่ไม่เคยพูดว่า มีอภินิหาร แต่คนที่บอกว่านั้นกล่าวอ้างไม่เคยบอกว่าเหยียบน้ำได้ มีแต่เดินไม่ใส่รองเท้า และตนยืนยันว่า หลวงปู่ไม่เคยพูดเรื่องการตั้งศาสนาใหม่ แต่คนที่ใส่ร้ายพูดไปเอง หลวงปู่แสดงธรรมอย่างเดียว และสอนทุกคนอีกว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ต้องสร้างบุญบารมี และวางตัวเป็นกลาง อย่าละเมิด เพราะมนุษย์หลงผิดไปมาก ทั้งนี้ตนเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดื่มน้ำล้างเท้าของหลวงปู่ โดยตนดื่มเพราะตนมีเคราะห์ เลยดื่มเพื่อปัดเป่าและตอนนั้นตนมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งหลังจากที่ดื่มเสร็จตนรู้สึกเบาตัว และเริ่มหายปวด
ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว