หนุ่มเกิดในครอบครัวยากจน ฝ่าฟันทุกความลำบาก มีเงิน1ล้านเเรกในชีวิต

29 มีนาคม 2564
33

หนุ่มวัย35พ่อแม่เป็นชาวนา ชีวิตตอนเด็กลำบากมาก ออกมาสร้างเเรงบันดาลใจในชีวิต แชร์แนวคิดการเก็บเงินอย่างไรให้มีเงินล้าน เงิน 1 ล้านบาทแรกในชีวิต ตอนอายุ 35ปีผมทำได้ใครๆก็ทำได้

 กรณีในเว็บบอร์ดพันทิป ที่ทางสมาชิกหมายเลข 916001  ได้ตั้งกระทู้หัวข้อเกี่ยวกับการเงิน การสร้างเเรงบันดาลใจในชีวิต ...เงิน 1 ล้านแรกในชีวิต ตอนอายุ 35 ผมทำได้ใครๆก็ทำได้ ... วันนี้อยากมาแชร์แนวคิดการเก็บเงินอย่างไรให้มีเงินล้าน    เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีความฝันเก็บเงินล้านแรกให้ตัวเอง มีปณิธานกับตัวเองเสมอว่า  ถ้าผมมีผมจะแบ่งปันให้สังคม  

ขอเกริ่นก่อนว่าผมเองเกิดในครอบครัวยากจน  พ่อแม่เป็นชาวนา 
จำได้ว่าชีวิตตอนเด็กลำบากมาก  ตอนเรียนจนจบม.3 ไม่เคยแม้แต่ได้ปั่นจักรยานใหม่ไปโรงเรียน
พ่อไปหาซื้อจักรยานเก่าๆมาซ่อมให้ปั่นไปโรงเรียน  ปั่นจักรยานไปโรงเรียนจนจบม.3   แรกๆก็มีเพื่อนปั่น
แต่ต่อมาทุกคนค่อยๆซื้อมอเตอร์ไซต์ใหม่ขี่ไปโรงเรียน  ตัวเองก็ยังต้องปั่นจักรยานไปกลับวันละ 8 กิโลจากบ้านไปโรงเรียน


ออกท่องโลกด้วยตัวเอง

   ท่องโลกในที่นี้ไม่ใช่เที่ยวรอบโลก  แต่เป็นการออกจากบ้านไปหาอนาคตด้วยตัวเอง
ออกจากบ้านไปเรียนในเมือง สายอาชีพ เพราะคิดว่าจบปวช.หางานทำได้เลย
ตอนนั้นมีเงินกู้กยศ.ให้ใช้เดือนละ 1,500 ทั้งค่าเช่าหอพัก ทั้งค่ากินอยู่  ลำบากแค่ไหนอธิบายได้ไม่หมด
แต่มีหลายครั้งที่ต้องซื้อแกงถุงนึง 10 บาทแบ่งกิน 2 มื้อ แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้   
แต่ชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกีบกุหลาบ  ชีวิตหักเหไปมา จบปวช. ไปต่อปวส.ถือเป็นการไปเรียนต่างจังหวัดครั้งแรก
แต่เรียนปวส.ได้แค่ปีเดียว บังเอิญไปสอบเล่นๆแล้วบังเอิญสอบติดมหาลัยในกรุงเทพ จึงได้เรียนเป็นเด็กกรุงเทพ
ตอนเรียนกรุงเทพได้เงินกู้ยืมกยศ.ใช้เดือนละ 4,000 ก็บริหารให้เงิน 4,000 ให้อยู่ได้ทั้งกินอยู่ ค่าเล่าเรียน ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่

จุดเริ่มต้นของการบริหารการเงิน
   
     เริ่มบริหารการเงินด้วยตัวเอง ก็น่าจะตั้งแต่ปวช. บริหารเดือนละ 1,500 ให้อยู่ได้  ค่าห้องเดือนละ 500 ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละ 1000 
หาหอใกล้วิทยาลัย เดือนไปเรียน  ไม่มีมอเตอร์ไซต์ใช้เหมือนเพื่อน 
มหาลัยก็ต้องบริหารเงิน 4,000 ให้อยู่ได้  อาศัยอยู่บ้านญาติบ้าง เช่าหออยู่กับเพื่อนบ้าง  จนจบ 4 ปี  ชีวิตอาจจะดูน่าเบื่อ
ไม่ได้ไปเที่ยวหรือใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป  ไม่เคยเข้าผับบา ไม่เคยดูหนังโรง  เคยมากสุดเดินไปดูโปสเตอร์หนังหน้าโรงหนังแล้วก็เดินกลับ

เข้าสู่โหมดชีวิตทำงาน
   
    หลังเรียนจบ  ไปเริ่มงานที่แรกเงินเดือน 10,000 บาท  ทำได้ไม่นานก็ย้ายงานไปที่ใหม่ได้ 14,000 และทำอยู่บริษัทนี้มาจนถึงทุกวันนี้

 


ยังไม่ได้ย้ายงานอีกเลย  อยากจะบอกว่าชีวิตที่หาเงินได้เองมันรู้สึกภูมิใจแบบสุดๆ  แต่เงินรายได้ที่ได้จากการทำงาน 
จะบอกว่าก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นที่รายได้เท่ากัน  เพราะเราเป็นเสาหลักครอบครัว  ต้องดูแลน้องๆ  ตอนเรียนจบใหม่ๆ 
น้องๆก็กำลังเข้ามหาลัยทั้ง 2 คน  ทั้งต้องส่งให้พ่อแม่ใช้  ส่งน้องเรียน  จะบอกว่าแค่บริหารเงินที่ได้มาให้อยู่ได้แล้ว  
คงไม่ต้องพูดถึงเงินเก็บ  จะบอกว่า 3-5 ปีแรก แทบไม่มีเงินเก็บเลย

รถคันแรกของครอบครัว

หลังจากทำงานมา 4-5 ปีน้องเริ่มเรียนจบ  ภาระทางบ้านเริ่มบางลง  อยากได้รถขับ
ตัดสินใจซื้อดาวน์รถ  ตอนนั้นจำได้เงินเดือน 18,000  อยากมีรถขับไปทำงานเพราะต้องออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ
จึงคิดว่ารถน่าจะจำเป็นและมีประโยชน์กับงาน 
อยากแชร์วิธีเก็บเงินซื้อรถในแบบของผมเอง  เผื่อเป็นแนวทางน้องๆที่เริ่มทำงานอยากมีรถคันแรกของชีวิต
วันที่ผมเริ่มอยากได้รถ 
   1.  ผมเริ่มหาข้อมูลรถ หารถที่อยากได้ ดูมันบ่อยๆ  เพื่อสร้างแรงบัลดาลใจ 
   2.  จากนั้นผมก็ตัดสินใจว่าจะเก็บเดือนละ 5000 เพื่อให้มีเงินดาวน์ ผมใช้วิธีเล่นแชร์กับญาติลงเดือนละ 5000 ดอกไม่เยอะ แต่มั่นคงหน่อยเพราะมีแต่คนรู้จักกัน
   3.  ใช้เวลาลงแชร์ 1 ปี  จุดมุ่งหมายที่ต้องเก็บเงินเดือนละ 5000 เพื่อให้เรารู้ด้วยว่าถ้าเราต้องจ่ายค่าผ่อนรถ 5000 ทุกเดือน  เราจะอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน   ถ้าเราอยู่ได้แสดงว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการผ่อนรถ

      ปีหลังๆที่ผ่อนรถเริ่มคลายๆตัวเองพอมีเงินเหลือบ้าง  ตอนนั้นมีนโยบายรถคันแรก  ตัดสินใจผ่อนรถให้พ่อ  คิดแค่ว่าเราจะหาวิธีอะไรตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เรามีเราเป็นได้  อยากให้พ่อแม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
   
"ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า  ถ้าผมประสบความสำเร็จในชีวิต"
    "ชีวิตผมสุขสบาย  ครอบครัวผมต้องสุขสบายด้วย"  
 

คอนโดซึ่งเป็นบ้านหลังแรกของชีวิต

ผมอาจจะชอบดำเนินชีวิตแบบเซฟๆ  ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ไม่ชอบความเสี่ยง
ก่อนที่ผมจะซื้อคอนโด ผมก็เลยต้องเตรียมตัวนานหน่อย  หาข้อมูลเป็นปีๆ
และวางแผนเป็นขั้นๆ  แนวทางที่ผมอยากแชร์วิธีการเตรียมตัวซื้อคอนโดในแบบตัวเอง
1. ผมเริ่มหาข้อมูล หาโครงการที่เราชอบ หาทำเลที่เราคุ้นเคย
ผมดูแปลนห้องที่ชอบก่อนเลยเพราะซื้ออยู่เอง
2. ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เราจะผ่อนได้ โดยไม่เดือดร้อนมาก  ผมไม่เลือกราคาแพงๆ
ถึงเราจะมีกำลังผ่อนหรืออยู่ในเกณฑ์กู้ได้  ผมคิดว่ามันจะทำให้เราไม่มีเงินเก็บไปไว้ทำอย่างอื่น
3. ผมเลือกผ่อนดาวน์ถึง 2 ปี  ซื้อโครงการพรีเซล  ผมมีเหตุผลที่ต้องผ่อนดาวน์ก่อนเพราะว่า  
วันที่ผมโอนคอนโด  ผมจะผ่อนรถหมดพอดี   ผมจึงเลือกทดลองผ่อนดาวน์ดูก่อน  ถ้าเราผ่อนไหว


เราก็คงผ่อนงวดคอนโดไหวได้ไม่ยาก

เริ่มต้นลงทุน

เงินก้อนแรกที่ทำให้ผมได้เริ่มลงทุน  ก็เป็นเงินที่ได้จากวันโอนคอนโด 
คงสงสัยใช่ไหมว่าผมโอนคอนโด ผมต้องใช้เงินสิ จะมีเงินเหลือมาลงทุนได้อย่างไร
เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
ผมผ่อนดาวน์คอนโด เดือนละ 5000 และมันก็จะมีงวดบอลลูนบ้าง  พอผ่อนครบ 2 ปี
เราจะได้ 10% สำหรับดาวน์คอนโดพอดี  แต่พอเรายื่นกู้ธนาคาร เราสามารถกู้ได้ 100% 
นะตอนนั้น  แต่ผมเลือกกู้แค่เพียง 95%  เพื่อไม่ให้หนี้ที่ต้องผ่อนมันเยอะเข้าไปอีก
ดังนั้นผมจึงเหลือเงิน 5%  หลังจากโอนคอนโด 

  เงิน 5% นี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มเปิดพอร์ตหุ้นลงทุน  จริงๆก็ไม่กี่หมื่น
แต่ก็ถือว่าเป็นเงินก้อนแรกที่เหลือใช้ และเริ่มนำมาลงทุน

สร้างพอร์ตหุ้น
ผมสร้างพอร์ตลงทุนหุ้น โดยตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะโอนเข้าพอร์ตเดือนละ 5,000 
เป้าหมายคือมีพอร์ตหลักล้าน  ผมก็ทำมาเรื่อยๆทุกปี โดยมีวินัย  พอได้เงินโบนัสก็ใส่เพิ่มทุกปี
ผ่านมาจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 6 ปี ตอนนี้พอร์ตผมโตมาเกินครึ่งทางแล้วกับสิ่งที่ตั้งไว้  
พอร์ตผมโตได้จาก 3 ส่วน


1. คือเงินที่เติมเข้าเดือนละ 5,000  
2. คือเงินปันผลที่ได้ทุกปี  ผมจะนำเงินปันผลโอนเข้าพอร์ตให้หมด
3. คือเงินที่ได้จากการซื้อๆ ขายๆ บ้าง แต่นานๆครั้ง

ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า  พอร์ตผมจะถึงล้านในอีกไม่นาน  เป้าหมายคือก่อนอายุ 40  

พอร์ตกองทุน
   ผมเริ่มจากการซื้อ LTF เพื่อลดหย่อนภาษี  จำได้ว่าเริ่มซื้อปีแรก 20,000 บาท
และคิดไว้ว่า ผมจะซื้อเพิ่มขึ้นปีละ 10,000 เช่น 
ปีแรก 20,000 
ปีที่สอง 30,000  
ปีที่สาม 40,000 
ปีที่สี่  ...
พอครบ  3 ปี  ปีแรกเราครบกำหนดเงื่อนไขขายได้  ผมขายเลยและนำเงิน 20,000 มาซื้อใหม่
จะเห็นว่าปีที่ 4 ผมจะมียอดซื้อกองทุนเป็น
ปีที่สี่  70,000   
ปีที่ห้า 90,000    
ไปเรื่อยๆ   
บางปีก็มีบ้างเราเก็บไม่ได้  LTF ขยายเวลาขายบ้าง  ก็อาจจะขาดตอนขายไม่ได้บ้าง   
 
จนตอนนี้เป็นกองทุน SSF  ซึ่งต้องถือ 10 ปี  แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ผมอายุ 30 กว่าๆ  SSF ยังเหมาะกว่า RMF  
เห็นไหมว่าเราจะมีเงินซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามภาษีที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี

ออมในเงินฝาก

ผมใช้วิธีฝากประจำปลอดภาษี  คือต้องฝากยอดเท่ากันทุกเดือน  ติดต่อกัน 24 เดือนหรือ 2 ปี
ผมเริ่มฝากด้วยเดือนละ 5,000  พอครบ 2 ปีเราจะได้เงิน 120,000  
ผมก็เปิดบัญชีฝากแบบเดิมต่ออีก 2 ปี 
แต่ผมเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000  แต่จริงๆแล้วผมก็ออมแค่เดือนละ 5,000 เหมือนเดิม  
ซึ่งผมจะเอายอดเงินที่ได้ 120,000 จากรอบที่แล้วแบ่งมาเดือนละ 5,000 ก็เป็น 10,000 พอดี
เห็นไหมครับว่าผมออมเดือนละ 5,000 เท่านั้นเอง  แต่เมื่อครบ 2 ปีรอบนี้ ผมจะได้เงิน 240,000 บาท


พอครบกำหนด ผมก็จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ 
  
ทั้งหมดนี้จึงเป็นแนวทางที่ทำให้ตอนนี้ผมสามารถเก็บเงินได้หลักล้าน  
จากเด็กบ้านนอก ลูกชาวนา ไม่มีต้นทุนชีวิตเหมือนคนอื่น 
แต่แค่เรามีวินัย  หาได้น้อยเราก็เก็บน้อย  ใช้เงินต่อเงินไปเรื่อยๆ 
จะทำให้เราทำฝันให้เป็นจริงได้ในไม่ช้า   

และผมรู้สึกว่า พอเกินล้านแรกแล้ว 
ล้านที่ 2 มันจะใช้เวลาสั้นลงจากล้านแรกแน่ๆ   
        
 เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีความฝันเก็บเงินล้านแรกให้ตัวเองครับ

 

ที่มา
กระทู้พันทิปสมาชิกหมายเลข 916001