ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ นาย สรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวคนดัง ต้องขังในคดีฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้รับการพิจารณาพักโทษโดยเหตุพิเศษ ได้รับการปล่อยตัวเเล้ว เมื่อช่วง 07.30 น. 14มี.ค.64 ที่ผ่านมา โดยมี ครอบครัว ญาติ น้องสาว มารอรับ แต่ยังต้องเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ จนกว่าจะครบกำหนดโทษ
ทั้งนี้ นายสรยุทธ จะเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติ โดยใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว จนกว่าจะครบกำหนดโทษ เป็นระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2564 ถึง 26 กรกฎาคม 2566 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษ สำหรับ นายสรยุทธ์ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน จากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน ทำให้เข้าข่ายในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ ซึ่งได้พิจารณาผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษเหตุพิเศษ ทั้งนี้ นายสรยุทธ์ ประพฤติตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ช่วยงานของกรมราชทัณฑ์หลายอย่าง
โดยนาย สรยุทธ สุทัศนจินดา เปิดใจครั้งเเรก ระบุว่า รู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำถือว่าเป็นการจบคดีความ และ ดีใจที่ได้มีวันนี้ เพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การอยู่ในเรือนจำ 1 ปีกว่า รู้สึกเคว้งคว้าง มีความทุกข์ทางจิตใจ แต่ทุกข์ทางร่างกายก็สามารถปรับตัวได้ แต่หลังจากจัดรายการให้ข้อมูลข่าวสารในเรือนจำก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะถือเป็นการใช้ชีวิตในเรือนจำที่คุ้มค่า ไม่ใช้ชีวิตที่เปล่าประโยชน์ สิ่งเเรกที่ตั้งใจทำหลังจากนี้จะเดินทางไปไหว้รูปแม่ที่บ้าน
ส่วนจะกลับสู่หน้าจอเมื่อไหร่นั้น ขอกลับไปคิด และ ปรับตัวก่อนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ทำงานมา 5 ปี อีกทั้งโลกปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสาร ก็เปลี่ยนไป มีสื่อมากมายจะทำอย่างไรให้คนกับมาติดตามข่าว แต่ยืนยันยังอยู่กับช่อง 3 ต่อ นายสรยุทธ์ บอกด้วยว่า สำหรับโครงการพักโทษนั้น ส่วนตัวมองเป็น 2 แบบ คือ หากเป็นผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ ขอทุกคนอย่าทำ เพราะถ้าเข้าเรือนจำไปแล้วจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะจะไม่ได้รับการอภัยโทษเลย ส่วนอีกแบบ คือ ทุกคนมีโอกาสทำผิดพลาด และต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่เมื่อต้องออกจากเรือนจำขอทุกคนอย่าอคติ และให้โอกาส ให้กลับสู่สังคม เพราะถ้าให้โอกาสเชื่อว่าจะเป็นพลังของสังคม แต่หากไม่ให้โอกาสจะทำให้เป็นภาระของสังคม ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการให้โอกาสอีกครั้ง แต่เมื่อออกมาแล้วก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย
ด้านธนกฤษ จิตอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมตรีว่าการกระทรวงยุติ กล่าวย้ำว่า การติดกำไลอีเอ็ม เป็นการติดฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าใครเรียกรับเงินให้แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที ส่วนการพักโทษนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนได้รับโอกาส แต่จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการพิจารณา ซึ่งนายสรยุทธ ถือเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับราชทัณฑ์ จึงเข้าเกณฑ์ของการพักโทษ แต่ยังต้องได้รับการคุมประพฤติและติดกำไลอีเอ็มจนกว่าจะครบกำหนดโทษ พร้อมยืนยันว่า นายสรยุทธในขณะที่อยู่เรือนจำ ได้ปฏิบัติตัวเหมือนนักโทษทั่วไป ไม่ได้เป็นบุคคลวีไอพีแต่อย่างใด ส่วนเงื่อนไขการพักโทษนั้น ให้ทำงานในอาชีพสื่อมวลชนได้ตามปกติ กำหนดให้อยู่ภายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หากต้องการออกนอกพื้นที่ต้องทำเรื่องอนุญาตต่อกรมควบคุมประพฤติล่วงหน้า 3 วัน
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมควบคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติม โดยย้ำว่าขณะที่อยู่ในเรือนจำ นายสรยุทธ ถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ นาย สรยุทธ จะต้องรายงานตัวต่อกรมควบคุมประพฤติทุกเดือน ซึ่งกำไลอีเอ็ม เป็นเครื่องมือที่ช่วยติดตามตัว โดยเงื่อนไขการพักโทษต้องไม่ให้เข้าใกล้เรือนจำ ไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาต ไม่ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือ ธุรกรรมกับบุคคลที่มีคดีความ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ให้เป็นพิธีกรหรือโฆษกในงานที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ยังสามารถให้ข้อมูลข่าวสารภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพได้ตามปกติ
สำหรับนาย สรยุทธ ถือเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือน ส.ค. 63 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 63 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน แต่จำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน จากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน
นายสรยุทธจึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ซึ่งสามารถไปประกอบอาชีพสุจริตได้ตามกฎหมาย นายสรยุทธ ก็จะสามารถกลับมาทำงานเป็นพิธีกรในรายการข่าวได้ทันที ตั้งแต่วันที่ได้รับการพักการลงโทษ
ย้อนกลับไป ทางนาย สรยุทธ และ พวกถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีบริษัทไร่ส้ม แก้ไขค่าโฆษณา ของ อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท เมื่อปี 2558 ซึ่งนายสรยุทธสู้คดีถึง 3 ศาล โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2559 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ถัดมาปีกว่า ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 และศาลฎีกา มีคำพิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกนายสรยุทธ กระทงละ 2 ปี 6 กระทง รวมจำคุก 12 ปี และลดโทษให้เหลือจำคุก 6 ปี 24 เดือน
ขอบคุณภาพ
NationPhoto