น.ส.วรรณทา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนพยายามแก้ปัญหาโดยพยายามปิดบัญชีเงินกู้ที่กู้ผ่านแอปฯ จากเดิมที่กู้มาทั้งหมด 8 แอปฯ ตอนนี้เหลือเพียง 3 แอปฯ แต่เจอปัญหาต้นทบดอก ไม่สามารถที่จะปิดได้อีก ทั้งกิจการรับซักรีดก็ซบเซา เงินเก็บที่หามาเก็บไว้ก็หมดลง ทำให้ทุกวันนี้เงินจะกินข้าวก็ยากลำบาก แล้วต้องมาเจอปัญหาข่มขู่แบบนี้อีก
เริ่มต้นจากวันหนึ่งตนเล่นเกม แล้วเห็นโฆษณาเชิญชวนกู้เงินผ่านโทรศัพท์ ง่าย ๆ เพียงใช้บัตรประชาชนกับหน้าสมุดบัญชี ตนเองจึงลองกู้เงินไป 2,000 บาท เนื่องจากธุรกิจซักอบรีดที่ทำอยู่ประสบปัญหา โดยหลังกู้โดนหักดอกทันที 35% ได้เงินมา 1,300 บาท มีระยะเวลาคืนภายใน 7 วัน หากเกินก็จะต้องเสียดอก 300 บาทต่อวัน คิดแล้วเป็นดอกเบี้ยกว่าปีละ 100%
ต่อมาตนก็กู้เพิ่มในแอปฯ ใหม่เพื่อนำเงินมาจ่ายแอปฯ เก่า เนื่องจากหาเงินไม่ทัน จนกระทั่งทบไปทบมาจนกู้ไป 8 แอปฯ เพื่อนำเงินมาหมุน แต่ก็ไม่ดีขึ้นเพราะไม่มีลูกค้า
สุดท้าย ตนจึงได้นำเงินเก็บที่สะสมไว้ มาปิดเงินกู้ไปได้ 5 แอปฯ ปัจจุบันเหลือ 3 แอปฯ ที่ต้องจ่ายเงินอยู่ แต่เงินไม่พอ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินกู้ได้ จนถูกทวงถาม ตนก็พยายามอ้อนวอนให้ผ่อนผันขยายเวลาและไม่คิดดอกเพิ่ม แต่ทางเจ้าหนี้ไม่ยอม บอกว่าต้องจ่ายค่าดอกมาทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 1,000 บาท พร้อมส่งข้อความทวงถามมาทางไลน์
กระทั้งข่มขู่ว่า จะส่งคนมายึดทรัพย์ ตนจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าตนทำผิดพลาดที่ไปกู้เงินมา แต่ก็พร้อมจะชดใช้เงินที่กู้มาแต่ก็ขอให้เวลาหาเงิน และไม่ควรคิดดอกสูงจนโหดถึงขนาดนี้