โลโก้ “KIA” ดีไซน์ใหม่ ทำคนเข้าใจผิด ไปหา KN Car ใน Google ถึง 30,000 ครั้ง
Google Trends เปิดเผยว่าผู้คนเริ่มค้นหาคำว่า KN Car ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 หรือไม่กี่เดือนหลังจากที่ Kia เปิดตัวโลโก้ใหม่ ทั้งยังเป็นช่วงที่ Kia Stinger รุ่นปรับโฉมเปิดตัวพร้อมโลโก้ใหม่พอดี โดยเฉลี่ยแล้วมีชาวสหรัฐฯ ค้นหาคำว่า KN Car ถึง 30,000 ครั้งต่อเดือน
โลโก้ “KIA” ดีไซน์ใหม่ ทำคนเข้าใจผิด ไปหา KN Car ใน Google ถึง 30,000 ครั้งต่อเดือน
ความหมายของ “โลโก้” (LOGO) คือ สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย” ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ ธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีหน้าที่ในการสื่อสารความเป็นแบรนด์ธุรกิจไปยังผู้ที่พบเห็น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้บริโภครู้สึกประทับใจและเชื่อมั่นในการเลือกซื้อสินค้าและบริการได้อย่างชัดเจนผ่านระยะเวลาสั้นๆ
ซึ่งการเข้าใจผิดในครั้งนี้ไปทั่วโลก กับแบรนด์รถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง “Kia” ซึ่งมีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ทั่วโลกตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยแม้ว่าจะยังคงตัวอักษรภาษาอังกฤษ K I และ A เอาไว้ แต่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากตัวอักษรปกติที่ถูกล้อมรอบด้วยวงรี มาเป็นตัวอักษรที่มีส่วนเชื่อมตัวสะกดทั้งสามตัวเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเมื่อดูเผินๆ แล้วจะมีลักษณะคล้ายกับตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า “KN” นั่นเอง
ข้อมูลจาก Google Trends เปิดเผยว่าผู้คนเริ่มค้นหาคำว่า KN Car ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 หรือไม่กี่เดือนหลังจากที่ Kia เปิดตัวโลโก้ใหม่ ทั้งยังเป็นช่วงที่ Kia Stinger รุ่นปรับโฉมเปิดตัวพร้อมโลโก้ใหม่พอดี โดยเฉลี่ยแล้วมีชาวสหรัฐฯ ค้นหาคำว่า KN Car ถึง 30,000 ครั้งต่อเดือน ทั้งยังพบสถิติการค้นหาคำดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้ยในออสเตรเลีย, แคนาดา และอังกฤษด้วย
นอกจากนั้น ผู้คนยังค้นหาคำว่า KN SUV, KN car brand price (ราคารถยนต์ยี่ห้อ KN), KN car brand electric (รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ KN), What is KN car brand (รถยนต์ยี่ห้อ KN คืออะไร), KN Carnival และ KN Telluride ซึ่งถ้าต้องการพิสูจน์ว่าจริงไหม คุณสามารถลองพิมพ์คำว่า KN บน Google คำแนะนำ KN Car ก็จะปรากฎขึ้นมา
ส่วนสถิติการค้นหาคำว่า Kia ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 1.83 ล้านครั้ง จึงกล่าวได้ว่าดีไซน์โลโก้ใหม่ของ Kia อาจดูไม่น่ากังวลเท่าใดนัก เพราะสัดส่วนคนที่เข้าใจถูกยังคงมากกว่า ทั้งยังทำให้คนที่ไม่รู้จักมาก่อนว่านี่คือรถยนต์แบรนด์อะไร สนใจมากพอที่จะนำข้อสงสัยนี้ ไปค้นหาคำตอบต่อจนเกิดเป็นสถิติที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ ซึ่งนี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสร้าง Brand Awareness อีกช่องทางก็เป็นได้
ที่มา: carscoops, thedrive