“กล้วยห่าม” ไม่ใช่แค่กล้วยที่ยังไม่สุก แต่เต็มไปด้วย แป้งทนย่อย ที่ช่วย คุมน้ำตาลในเลือด, ดีต่อลำไส้, แก้ท้องเสีย, และยังช่วย ลดน้ำหนัก ได้อีกด้วย บอกเลยว่ามีดีกว่าที่คิดเยอะ
กล้วยห่าม ประโยชน์เกินคาดที่หลายคนไม่รู้ วันนี้มีคำตอบ
ประโยชน์ของกล้วยห่าม กล้วยห่าม คือ กล้วยที่ยังไม่สุกเต็มที่ เปลือกอาจจะยังเขียวอยู่ หรือเริ่มมีสีเหลืองแซมเขียวเล็กน้อย เนื้อจะแข็งและมีรสฝาดกว่ากล้วยสุก
กล้วยห่ามที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์และพบได้ทั่วไป ได้แก่
กล้วยห่าม ประโยชน์เกินคาดที่หลายคนไม่รู้ วันนี้มีคำตอบ
กล้วยห่ามดีอย่างไร? ประโยชน์ที่เหนือความคาดหมาย
แหล่งชั้นดีของแป้งทนย่อย (Resistant Starch): นี่คือหัวใจสำคัญของกล้วยห่าม! แป้งทนย่อยเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่จะถูกส่งตรงไปยังลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาหารของแบคทีเรียดี (Probiotics) ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบลำไส้ให้สมดุลและแข็งแรง เปรียบเสมือนเป็น "พรีไบโอติก" ชั้นยอด
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: เนื่องจากมีแป้งทนย่อยสูง กล้วยห่ามจึงมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index - GI) ต่ำกว่ากล้วยสุกมาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และคงที่มากขึ้น จึงเป็นผลไม้ที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
บรรเทาอาการท้องเสีย: ด้วยคุณสมบัติของสารแทนนิน (Tannins) ที่ให้รสฝาดสมาน และแป้งทนย่อยที่ช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ กล้วยห่ามจึงมีฤทธิ์ช่วยจับอุจจาระ ลดการบีบตัวของลำไส้ และบรรเทาอาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ตรงข้ามกับกล้วยสุกที่ช่วยระบาย)
ดีต่อการลดน้ำหนัก: แป้งทนย่อยช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารและลดปริมาณการรับประทานอาหารโดยรวม นอกจากนี้ยังอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายอีกด้วย
อุดมด้วยโพแทสเซียม: กล้วยห่ามยังคงเป็นแหล่งที่ดีของโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต และช่วยให้กล้ามเนื้อและระบบประสาททำงานได้ปกติ
ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน: สุขภาพลำไส้ที่ดีจากการได้รับพรีไบโอติกอย่างเพียงพอ ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อต่างๆ
ใครบ้างที่ไม่ควรกินกล้วยห่าม?
แม้กล้วยห่ามจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบางกลุ่มคน
ข้อแนะนำ: การบริโภคกล้วยห่ามที่ดีที่สุดคือการนำไปแปรรูป เช่น ต้ม นึ่ง หรือทำเป็นแป้งกล้วยห่าม เพื่อลดรสฝาดและช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกายเสมอ