ระวัง ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง เพราะอาจเกิดอันตรายได้

มาดู  “ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง” กันค่ะ หน้าร้อนแบบนี้ ผลไม้สดๆ หวานฉ่ำน่ากินเต็มตลาด แต่รู้ไหมว่า...ผู้ป่วยโรคไตควรเลือกกินให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะผลไม้หลายชนิดแม้จะดู “สุขภาพดี” แต่กลับมี โพแทสเซียม สูง ซึ่งเป็นภาระต่อไตที่ทำงานผิดปกติ และอาจนำไปสู่ภาวะ โพแทสเซียมคั่งในเลือด (Hyperkalemia) ได้

 

ระวังให้ดี ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง เพราะอาจอันตรายถึงชีวิต

มาดูกันว่า 5 ผลไม้ยอดฮิตที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยงมีอะไรบ้าง โพแทสเซียม เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ แต่ถ้าไตไม่สามารถขับส่วนเกินออกได้ อาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นได้เลย

 

1. แก้วมังกร (4 ชิ้น)

• โพแทสเซียม: 271 มก.
• แม้จะแคลอรีต่ำและไฟเบอร์สูง แต่แก้วมังกรมีโพแทสเซียมสูงมาก สำหรับผู้ป่วยไต การกินเพียง 4 ชิ้นขนาดกลาง ก็อาจเพิ่มภาระให้ไตแบบไม่รู้ตัว

 

2. กล้วยน้ำว้า (2 ผล)

• โพแทสเซียม: 240.83 มก.
• เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ดีต่อคนทั่วไป แต่ไม่เหมาะกับคนไตเสื่อม เพราะโพแทสเซียมสูงตามธรรมชาติ แค่ 2 ผลก็เกือบถึงขีดจำกัดต่อวันแล้ว

 

3. ลิ้นจี่ (6–8 ผล)

• โพแทสเซียม: 213.50 มก.
• ลิ้นจี่หวานฉ่ำชื่นใจ แต่นอกจากโพแทสเซียมสูง ยังมีน้ำตาลสูงอีกด้วย ใครที่เป็นไตเสื่อมและเบาหวาน ต้องหลีกเลี่ยงให้ดี

 

4. แคนตาลูป (4–5 ชิ้น)

• โพแทสเซียม: 190 มก.
• ผลไม้หอมหวานช่วยดับร้อน แต่แฝงด้วยโพแทสเซียมที่สูงกว่าที่คิด กินบ่อยหรือกินเยอะ ไตต้องทำงานหนักขึ้นแน่นอน

 

5. ฝรั่ง (4–5 ชิ้น)

• โพแทสเซียม: 174.60 มก.
• แม้จะวิตามินซีสูง แคลอรีต่ำ แต่ฝรั่งก็แอบมีโพแทสเซียมมากเช่นกัน โดยเฉพาะถ้ากินเพลินเป็นของว่างทั้งวัน

 

ระวังให้ดี ผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคไตควรเลี่ยง เพราะอาจอันตรายถึงชีวิต

สรุปสั้นๆ

• ผลไม้หลายชนิดแม้ดูดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับคนเป็นโรคไต ต้องดูเรื่อง “โพแทสเซียม” เป็นหลัก
• ถ้าโพแทสเซียมสะสมในร่างกายมากเกินไป ไตขับออกไม่ทัน เสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิต
• ทางเลือกที่ดีกว่า: เลือกผลไม้โพแทสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิ้ลเขียว ชมพู่ สาลี่ (ในปริมาณพอดี)
• และถ้ายังไม่มั่นใจ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือคุณนักกำหนดอาหารนะคะ

 

ขอบคุณ : หมอเจด