คุณเสี่ยง ภูมิแพ้ไรฝุ่น หรือไม่? รู้ไว้ ป้องกันได้ทัน.

16 มีนาคม 2568

ภูมิแพ้ไรฝุ่น โรคที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด มาเช็กอาการและเรียนรู้วิธีป้องกัน เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นกันเถอะ

คุณเสี่ยง ภูมิแพ้ไรฝุ่น หรือไม่? รู้ไว้ ป้องกันได้ทัน คุณเคยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จามบ่อย หรือคันตาโดยไม่ทราบสาเหตุหรือไม่? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ "ภูมิแพ้ไรฝุ่น" โรคที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเราได้

คุณเสี่ยง ภูมิแพ้ไรฝุ่น หรือไม่ รู้ไว้ ป้องกันได้ทัน

ไรฝุ่น เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่แฝงตัวอยู่ตามที่นอน หมอน พรม และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านของเรา พวกมันกินเศษผิวหนังและรังแคของมนุษย์เป็นอาหาร และมูลของไรฝุ่นก็เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ

 

หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นภูมิแพ้ไรฝุ่นได้เช่นกัน มาเช็กอาการและเรียนรู้วิธีป้องกัน เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นกันเถอะ

 

ไรฝุ่นคืออะไร?

ไรฝุ่น เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากจนมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยด้วยตาเปล่า มีความยาวเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตร อยู่ปะปนกับฝุ่นภายในบ้าน กินผิวหนังของมนุษย์ที่ถูกผลัดออกมาเป็นอาหาร

 

ในคนที่แพ้ไรฝุ่น เมื่อหายใจเอาอากาศที่มีไรฝุ่นเข้าไปอาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในระบบทางเดินหายใจได้ โดยไรฝุ่นที่พบได้บ่อยและก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มี 2 ชนิด คือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และ Dermatophagoides farinae (DF)
 

คุณเสี่ยง ภูมิแพ้ไรฝุ่น หรือไม่ รู้ไว้ ป้องกันได้ทัน

 

อาการของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น มีอะไรบ้าง?

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • คัดจมูก
  • คันจมูก จาม น้ำมูกไหล
  • คันตา แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล
  • คันคอ ไอ
  • คันผิวหนัง เป็นผื่น

 
อาการที่พบในคนที่เป็นโรคหืด (Asthma) ได้แก่

  • หายใจลำบาก
  • แน่นหน้าอก
  • หายใจมีเสียงวี๊ด
  • มีอาการหอบหืดในเวลากลางคืนหรือช่วงตื่นนอน

 
เราจะวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นได้อย่างไร?

  • แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ร่วมกับดูอาการของโรค หากสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น อาจตรวจเพิ่มเติมโดยการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test, SPT) หรือการเจาะเลือดตรวจภูมิจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ (Specific IgE Blood Test)

 
การรักษาโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น ทำได้อย่างไรบ้าง?

  • จัดการที่ต้นเหตุ คือ กำจัดตัวไรฝุ่น
  • ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยแนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่น
  • ใช้เครื่องกรองอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศ ชนิด HEPA filter
  • หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน
  • ควรซักทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนประมาณ 60 องซาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 30 นาที อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อฆ่าไรฝุ่น
  • ควรนำเครื่องนอนออกตากแดดจัดๆ ทุกสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
  • ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนควรทำมาจากผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าที่มีเส้นใยถี่แน่น มีรูห่างของผ้าทอเล็กมาก ซึ่งสามารถลดการเล็ดลอดของไรฝุ่นออกมาได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้พรม เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น
  • รักษาโดยการใช้ยา
  • ยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อลดอาการคันจมูก น้ำมูกไหล ผื่นแพ้
  • ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (Nasal corticosteroids) เพื่อลดอาการบวมในโพรงจมูก ลดอาการคัดจมูก  
  • ยาสเตียรอยด์ชนิดทา (Topical corticosteroids) เพื่อลดอาการคัน อาการอักเสบบริเวณผิวหนัง โดยความแรงที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามบริเวณที่เป็น
  • ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน (Oral corticosteroids) กรณีที่มีอาการแพ้รุนแรง
  • ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) กรณีที่มีการติดเชื้อร่วมด้วย  

 

 

ขอบคุณข้อมูลโดย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์