“ภูพระบาท” อัศจรรย์ธรรมชาติ ความเชื่อ-ตำนานรัก 3,000 ปี ที่จังหวัดอุดรธานี
เที่ยวตามรอยความเชื่อ-ตำนานรัก 3,000 ปี ชื่นชมความอัศจรรย์ธรรมชาติ “ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” มรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย ในจังหวัดอุดรธานี
อีกหนึ่งเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยทั่วทั้งประเทศเมื่อมีการประกาศจากที่ยูเนสโก ให้ "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยเป็นมรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย และเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของไทย
"ภูพระบาท" อารยธรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
"อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" เป็นอุทยานที่แสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500-3,000 ปี และร่องรอยการใช้เป็นศาสนสถานอย่างต่อเนื่อง ทั้ง วัฒนธรรมทวารวดี วัฒนธรรมเขมร วัฒนธรรมล้านช้าง
โดย "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" ตั้งอยู่บนภูเขาที่ชื่อว่าภูพระบาท ในเขตพื้นที่เมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน
"หอนางอุสา" จุดแลนด์มาร์คสุดอันซีน
เอกลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท คือ "หอนางอุสา" โขดหินขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายเห็ดบนลานหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีการปักใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่ล้อมรอบทั้ง 8 ทิศ
"ภูพระบาท" ที่นี่คือ ความอัศจรรย์ของธรรมชาติ
ที่นี่ทุกคนจะได้สัมผัสกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติและอารยธรรมโบราณที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัว จากโขดหินทรายที่กระจายตามพื้นที่จำนวนมาก
ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า ในยุคโบราณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ จนเมื่อ 180 ล้านปีก่อน ธารน้ำแข็งละลายและไหลลงสู่พื้นที่ที่ต่ำกว่า ทำให้เกิดการกัดเซาะบนเทือกเขาภูพาน เกิดเป็นโขดหินและเพิงผารูปร่างแปลก ๆ คล้ายกับมีมนุษย์จัดวางจนถึงปัจจุบัน
"ภูพระบาท" เรื่องราวความเชื่อ เเละเรื่องเล่าตำนานรักราว 3,000 ปี
นอกเหนือไปจากการพบเห็นโขดหินรูปร่างต่าง ๆ แล้ว ที่เเห่งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการมีอยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เคยอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ปรากกฏร่องรอยหลักฐานผ่านการสร้างสรรค์ภาพเขียนสีที่ลักษณะเป็นภาพคน, สัตว์, มือ, สัญลักษณ์เรขาคณิต ที่เกือบทั้งหมดใช้สีแดงเป็นหลัก
ซึ่งการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์ มีการดัดแปลงโขดหินและเพิงหินทรายบนภูพระบาทไปเป็นศาสนสถาน ในลักษณะของ การปักใบเสมาหินขนาดใหญ่ล้อมรอบในจุดต่างๆ
ตำนานความรักระหว่างนางอุษาและท้าวบารส
อีกหนึ่งเรื่องราวความน่าสนใจของที่นี่ คือ ตำนานความรักระหว่างนางอุษาและท้าวบารสเป็นเรื่องเล่าที่ผูกพันกับภูมิประเทศอันงดงามของภูพระบาทมาอย่างยาวนาน
ตำนานเล่าว่า นางอุษาธิดากษัตริย์แห่งเมืองภูพระบาทถูกกักขังอยู่ในหอนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พบรักกับชายใด แต่ด้วยพลังแห่งความรัก ท้าวบารสเจ้าชายจากเมืองไกลได้เสี่ยงภัยเดินทางมาพบนางและทั้งสองได้ลักลอบพบกัน ณ หอนางอุสาแห่งนี้
ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องราวตำนานความรักนี้ พอมาฟังภายในบริเวณ "ภูพระบาท" ก็อดไม่ได้ที่จะจิณตนาการเห็นความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติ ที่เป็นฉากหลังอันสวยงามของตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักอันเป็นอมตะนี้จริงๆ
ทั้งนี้เรื่องราวตำนานนางอุษายังเชื่อมโยงไปยังชื่อของจุดสำคัญๆ ภายในภูพระบาท เช่น กู่นางอุสา,บ่อน้ำนางอุสา,คอกม้าท้าวบารส,หีบศพท้าวบารส,หีบศพนางอุสา เป็นต้น
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมายังจังหวัดหวัดอุดรธานีต้องแวะมาให้ได้จริงๆ โดยใน "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปชื่นชม เรียนรู้ ซึบซับอีกเยอะมากๆ เเละตลอดเส้นทางการเดินชม มีธรรมชาติรอบๆ ที่มีความน่ารักซ่อนอยู่
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
- โทร. 0 4225 1350-2
- เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00–16.30 น.
- อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท